วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

แบงก์เล็กรีเทิร์นสวย ฝรั่งเก็บ‘KKP-TCAP’ *ไทยพาณิชย์กำไร Q4 ตามคาด 1.17 หมื่นล้าน

แบงก์เล็กรีเทิร์นสวย ฝรั่งเก็บ‘KKP-TCAP’ *ไทยพาณิชย์กำไร Q4 ตามคาด 1.17 หมื่นล้าน

2016-01-20

แบงก์ขนาดกลางและเล็ก ผลประกอบการปี 58 กลับมารีเทิร์นได้งดงาม ทั้ง TCAP– KKP-CIMBT และ TISCO ด้าน บล.ซี แอล เอส เอ เผยต่างชาติทยอยเก็บหุ้นแบงก์กลาง-เล็ก หลังพบควบคุมหนี้เสียได้ เงินกองทุนดีขึ้น และกำไรต่างออกมาสวย ด้าน “ไทยพาณิชย์” หรือ SCB กำไรไตรมาส 4 กว่า 1.17 หมื่นล้านบาท ลดลง 3.6% ส่วนทั้งปี 4.72 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.5%
วานนี้ บมจ.ทุนธนชาต หรือ TCAP แจ้งผลประกอบการปี 2558 มีกำไรสุทธิ 5,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 5,120 ล้านบาท หรือเปลี่ยนแปลง 6.17% ส่วนกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นมาจาก 4.61 บาท เป็น 4.24 บาท
ขณะที่นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK ที่ TCAP ถือหุ้นใหญ่ ได้ระบุว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารฯ ช่วงปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 10,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 821ล้านบาท หรือ 8.27% จากสิ้นปีก่อน จากการลดลงของค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญจากการดำเนินงานปกติ
ขณะที่คุณภาพของสินทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2557 ด้วยการบริหารจัดการ NPL อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ NPL ลดลงจากสิ้นปีที่ผ่านมา 34% ขณะที่ NPL Ratio ลดลงอย่างมากสวนทางกับอุตสาหกรรมจากสิ้นปี 2557 ที่ 4.09% มาอยู่ที่ 2.84% ของสิ้นปี 2558 และ Coverage Ratio ปรับเพิ่มขึ้นจาก 85.52% มาอยู่ที่ 119.42% ของสิ้นปี 2558 ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม นอกจากนี้ เงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งเติบโตขึ้นจาก 15.83% ในปี 2557 มาอยู่ที่ 17.92% ในปี 2558
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) หรือ KKP กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารช่วงปี 2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,317 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงปี 2557 ที่ทำกำไรสุทธิได้ทั้งสิ้น 2,733 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 584 ล้านบาท คิดเป็น 21.3%
ทั้งนี้ เป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุน ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ได้แก่ บล.ภัทร บล.เคเคเทรด และ บลจ.ภัทร จำนวน 1,010 ล้านบาท หากพิจารณากำไรเบ็ดเสร็จรวมจะเท่ากับ 3,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 865 ล้านบาท
ส่วนผลงานไตรมาส 4/58 เทียบกับไตรมาส 4/57 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.9% จากไตรมาส 4/57 เป็นกำไรสุทธิของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 319 ล้านบาท หากพิจารณากำไรเบ็ดเสร็จรวมจะเท่ากับ 1,024 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 587.0% จากไตรมาส 4/57 เป็นกำไรเบ็ดเสร็จของธุรกิจตลาดทุนจำนวน 351 ล้านบาท
ด้านหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่า 3,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3,199 ล้านบาทในปี 2557 ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งสำรองทั่วไปในไตรมาส 3/58 จำนวน 600 ล้านบาท และไตรมาส 4/58 ตั้งเพิ่มเติมอีกจำนวน 400 ล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
นายสุภัค  ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT กล่าวว่า ผลประกอบการของธนาคารมีกำไรสุทธิประจำปี 2558 จำนวน 1,052.5 ล้านบาท เติบโต 6.4% จากปีก่อน ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 6.4พันล้านบาทอั ตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 3.1 ลดลงเมื่อเทียบกับณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 อยู่ที่ร้อยละ 3.3
บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) หรือ กลุ่มทิสโก้มีผลการดำเนินงานไตรมาส 4 ปี 2558 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 มาอยู่ที่ 1,244 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยจากธุรกิจหลัก โดยในไตรมาสนี้ รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย ธุรกิจจัดการกองทุนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการออกกองทุนใหม่ตามความต้องการของตลาด  ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญคงที่ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ด้านผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้ ณ สิ้นปี 2558 กลุ่มทิสโก้มีกำไรสุทธิ  4,250 ล้านบาท คงที่จากปีก่อนหน้า
นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมกรรผู้จัดการ บล.ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า นักลงทุนต่างชิตเริ่มให้ความสำคัญกับหุ้นธนาคารขนาดกลางและเล็กมากขึ้น โดยที่ผ่านมาได้ทยอยเก็บเรื่อย หลังมองว่า แบงก์ต่างๆ เหล่านี้ สามารถควบคุมหนี้เสียได้แล้ว ขณะที่ผลประกอบการก็จะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งต่างจากธนาคารขนาดใหญ่ที่ยังมีปัญหากับเอ็นพีแอล
“ทั้ง KKP–TCAP ต่างชาติเขาก็สนใจ และแนวโน้มผลประกอบการในปี 2559 ก็คาดว่าจะฟื้นตัวดีจากปีก่อนหน้า”
ทางด้าน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) รายงานผลกำไรสุทธิปี 2558 จำนวน 4.72 หมื่นล้านบาท ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ส่งผลให้การเติบโตของภาคเอกชน รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ชะลอตัวลง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงมาจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้นมากเพื่อรองรับสินเชื่อด้อยคุณภาพที่เกิดขึ้นและการตั้งสำรองครบจำนวนตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ 1 ราย คือ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) และบริษัทลูกในประเทศอังกฤษ ซึ่งตัดหนี้สูญแล้ว คือ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ประเทศอังกฤษ (SSI UK) ซึ่งถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาสที่ 3/58
อย่างไรก็ตาม รายได้โดยรวมของธนาคารยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานขยายตัวอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับปีก่อนแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายลงทุนมากขึ้น
สำหรับไตรมาส 4/58 ธนาคารมีกำไรสุทธิ (ก่อนสอบทาน) จำนวน 11,795 ล้านบาท ลดลง 3.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจากการตั้งสำรองที่สูงขึ้น
อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2558 อยู่ที่ 2.89% เพิ่มขึ้นจาก 2.11% ณ สิ้นปี 2557 แต่ลดลงจาก 3.02% ในไตรมาสก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสินเชื่อด้อยคุณภาพส่วนใหญ่เกิดจากบริษัท SSI ซึ่งได้ถูกจัดชั้นเป็นสินเชื่อด้อยคุณภาพในไตรมาส 3/58 และจากลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และลูกค้าสินเชื่อเคหะ ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ในขณะเดียวกันหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น  16,509 ล้านบาทเป็นจำนวน 29,723 ล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงในปีนี้ แต่อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงเป็น 109.8% ณ สิ้นปี 2558 จาก 138.1% ณ สิ้นปี 2557 แต่สูงกว่าระดับ 100.8% ณ สิ้นไตรมาสก่อน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น