วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

WINNER ลั่น!!ไม่แพ้ในกระดาน


   
   

       

 
   
          
 WINNER ลั่น!!ไม่แพ้ในกระดาน

        

     
          "วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์" ได้เวลาลงสนามเทรดวันแรก ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นผันผวน วอลุ่มเบาบาง ด้านผู้บริหาร-อันเดอร์ไรท์ มั่นใจราคาเปิดเทรดวันแรกเหนือจอง 2 บาทแน่นอน หลังนักลงทุนแห่จองซื้อหนาแน่น แถมจัดสรรให้เฉพาะพวกถือยาวกินปันผล ชูจุดเด่นบริษัททำธุรกิจแปรรูปอาหาร - เบเกอรี่ครบวงจรระดับโลก มีสินค้าจัดจำหน่ายมากกว่า 500 รายการ มีคลังเก็บสินค้ากว่า 1.2 หมื่นตรม. และเชียวชาญด้านเคมีภัณฑ์อาหารมากว่า 30 ปี ล่าสุดโชว์กำไร Q2/56 โต 49.6% วางนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ

       
 ในวันนี้ (3 ตุลาคม 2556) จะมีหุ้นน้องใหม่เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) อีกหนึ่งบริษัทนั่นคือ บมจ. วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ (WINNER) ซึ่งเป็นดำเนินธุรกิจนำเข้า ผลิต จัดจำหน่ายวัตถุดิบ ส่วนผสมและเคมีภัณฑ์เพื่อแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหารและเบเกอรี่ ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับโลกและตราสินค้าของบริษัทเอง นอกจากนี้ยังเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภค อาทิ ป๊อปคอร์นสำหรับไมโครเวฟ ตรา Pop Secret ธัญพืชแท่ง ตรา Nature Valley และ แป้งเบเกอรี่สำเร็จรูปตรา Betty Crocker โดยมีสินค้าจัดจำหน่ายมากกว่า 500 รายการ ท่ามกลางบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยที่เป็นไปอย่างเงียบเหงา
        โดย WINNER มีทุนชำระแล้ว 100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 312 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 88 ล้านหุ้น โดยได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 25-27 กันยายน 2556 ในราคาหุ้นละ 2.00 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 176 ล้านบาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
        ขณะที่บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,408.99 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 0.80 จุด หรือ 0.06% ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 28,354.56 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 2,133.70 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 1,476.96 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 379.04 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 277.71 ล้านบาท

*** มั่นใจ เทรดวันแรกเหนือจอง - เน้นคัดนลท.ถือยาวรับปันผล 

        นายสันทัด สงวนดีกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ WINNER เปิดเผยว่า มั่นใจว่าหุ้น WINNER ที่จะเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ mai วันนี้ ราคาหุ้นจะสูงกว่าราคาจองที่ 2 บาท/หุ้นได้ เนื่องจากในช่วงที่บริษัทฯเสนอขายหุ้น 25-27 ก.ย.2556 นักลงทุนให้การตอบรับดีมาก ขณะที่ WINNER ดำเนินธุรกิจอาหาร ซึ่งมีการเติบโตต่อเนื่อง และบริษัทฯจ่ายปันผลสูง ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 7% และราคาหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้เป็นราคาที่เหมาะสมไม่ได้สูงจนเกินไป         ด้านนางสาวพันทิตา แซ่เอ็ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต กล่าวว่า หุ้น WINNER ที่เสนอขายในครั้งนี้มีจำนวน 88 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.25 บาท โดยจัดสรรให้กับนักลงทุนรายใหญ่ของ บล.ธนชาตในสัดส่วน 30% และที่เหลือเสนอขายนักลงทุนรายย่อยที่มีการลงทุนในระยะยาว และเน้นการลงทุนในหุ้นปันผล         ทั้งนี้ การคัดเลือกนักลงทุนที่เข้ามาจองซื้อหุ้น เนื่องจากต้องการให้หุ้นมีเสถียรภาพ โดยเน้นนักลงทุนที่มีการลงทุนระยะยาว เพื่อหวังผลตอบแทนจากเงินปันผล และในช่วงที่บริษัทฯมีการเสนอขายนั้นนักลงทุนก็ตอบรับดีมาก เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง เพราะอยู่ในธุรกิจอาหารและประกอบธุรกิจมานานถึง 30 ปี ผลประกอบการเติบโตมั่นคงแต่ไม่หวือหวา ทั้งนี้ WINNER มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษี ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้มีการจ่ายเงินปันผลถึง 2 ครั้งต่อปี และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 6-7% ต่อปี
*** ชูนโยบายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ 
        นายเจน วองอิสริยะกุล กรรมการผู้จัดการ WINNER เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินจากการระดมทุนครั้งนี้ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการและขยายธุรกิจ รวมทั้งลงทุนขยายคลังสินค้าและระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมให้บริษัทเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ WINNER 3 ลำดับแรกได้แก่ ครอบครัววองอิสริยะกุล ถือหุ้น 50.56% ครอบครัวโรจนวิศาส ถือหุ้น 8.25 % ครอบครัวตัณทนาวิวัฒน์ ถือหุ้น 3.32%         การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ที่ 9.2 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัท 4 ไตรมาสล่าสุด (ไตรมาส 3 ปี 2555 – ไตรมาส 2 ปี 2556) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทจดทะเบียนที่มีการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับบริษัท (ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม - 16 กันยายน 2556) เท่ากับ 18.8 เท่า บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่างๆ ทั้งหมด
*** โชว์กำไร Q2/56 โต 49.6% แตะ 29.23 ลบ.หรือโต 49.6% 
        โดยก่อนหน้านี้ทาง WINNER ได้รายงานงบการเงินเฉพาะกิจการไตรมาส2/56 ให้แก่ตลาดหลักทรัพย์ว่า มีกำไรเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 29.23 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรอยู่ที่ 19.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้ น 49.6% ขณะที่งวด 6 เดือนกำไรลดลงอยู่ที่ 37.32 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไรอยู่ที่ 41.86 ล้านบาท เนื่องจาก รายได้จากการขายเพิ่มขึ้ นจากงวดเดียวกันของปี 2555 จำนวน31.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้ นร้อยละ 9.6
*** รู้จักกับ "วินเนอร์กรุ๊ปฯ"
        นายเจน วองอิสริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ เปิดเผยว่า บมจ.วินเนอร์กรุ๊ป เอ็นเตอร์ไพรซ์ ดำเนินธุรกิจนำเข้า ผลิต และจัดจำหน่ายวัตถุดิบ ส่วนผสมและเคมีภัณฑ์อาหารที่ใช้ในการแปรรูปในอุตสาหกรรมอาหาร และเบเกอรี่อย่างครบวงจร จากทั่วทุกมุมโลก ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับโลก (Global Brand) และภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ รวมทั้งเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภค ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำระดับโลกอีกด้วย โดยบริษัทฯ มีสินค้าที่จัดจำหน่ายหลากหลายมากกว่า 500 รายการ ซึ่งผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ จะนำเข้าจากผู้ผลิตในต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี และสิงคโปร์ เป็นต้น        สำหรับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทจัดจำหน่าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทวัตถุดิบ ส่วนผสมและเคมีภัณฑ์อาหารเพื่ออุตสาหกรรม (Industry Products) จำแนกเป็น (1) วัตถุดิบและส่วนผสมที่ใช้ในการแปรรูปอาหาร (Food Ingredient) ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์กลุ่มแป้ง กลุ่มโกโก้ ผลิตภัณฑ์ไข่ผง ผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำตาล สารให้ความหวาน สารปรุงแต่งรสชาติอาหาร และเครื่องเทศ        (2) สารเติมแต่งและสารเสริมคุณสมบัติอาหาร (Food Additive) เช่น สารให้ความคงตัว สารให้ความเหนียว สารที่ทำให้เกิดเจล สารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟู วัตถุกันเสีย และสารเติมแต่งอื่นๆ ขณะที่อีกกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภค (Consumer Products) ได้แก่ วัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เพื่อประกอบอาหารและเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว และผลไม้และเครื่องดื่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ        บริษัทมีคลังสินค้าสำหรับเก็บสินค้าเพื่อจำหน่ายจำนวน 2 แห่ง บนถนนบางนา-ตราด พื้นที่ใช้สอยประมาณ 4,400 ตารางเมตร ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่ใช้จัดเก็บสินค้าทั่วไปและคลังสินค้าประเภทควบคุมอุณหภูมิและความชื้น นอกจากนี้ ยังมีโรงงานที่ใช้ในการดำเนินการผลิตสินค้าเพื่อจัดจำหน่าย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน พื้นที่รวมประมาณ 5 ไร่ หรือ 8,000 ตารางเมตร ซึ่งใช้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ ได้แก่ น้ำตาลไอซิ่ง น้ำตาลเคลือบ น้ำตาลที่ใช้ในอุตสาหกรรม รวมถึงสารเติมแต่งอาหาร สารเสริมสร้างคุณสมบัติของอาหารและสารผสม        ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร ที่มีประสบการณ์ยาวนานถึง 30 ปี นับตั้งแต่จัดตั้งบริษัทเมื่อปี 26 จนถึงปัจจุบัน โดยผลิตภัณฑ์ที่จัดหน่ายมีความหลากหลายตั้งแต่วัตถุดิบ ส่วนผสม เคมีภัณฑ์อาหาร สารปรุงแต่ง เพื่อใช้เป็นส่วนหนึ่งในการแปรรูปอาหาร จนถึงผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อบริโภคปลายทาง ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครอบคลุมตั้งแต่ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ลูกค้ากลุ่มโรงงานแปรรูปอาหารและเบเกอรี่ (Industry) ทั้งภาครัฐและเอกชน กลุ่มลูกค้าผู้ให้บริการทางด้านอาหาร (Food service/HoReCa) ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ภัตตาคาร สายการบิน หรือผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการอาหาร (Catering) และกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคทั่วไป (Consumer)        บริษัทมีสินค้าที่หลากหลายมากกว่า 500 รายการ เป็นสินค้าตั้งแต่ต้นทางสำหรับการผลิต ไปจนถึงสินค้าปลายทางเพื่อการบริโภค นอกจากผลิตภัณฑ์นำเข้าของเราจะเป็นสินค้าที่มาจากแหล่งกำเนิดที่ดีที่สุด เป็นตราสินค้าที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับของลูกค้า เรายังทีมพนักงานขายที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีอาหารเพื่อให้คำปรึกษาด้านเทคนิคเกี่ยวกับการใช้สินค้าโดยเฉพาะ ขณะที่สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ ก็เป็นสินค้าที่มีคุณภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ซึ่งจากประสบการณ์ในธุรกิจที่ยาวนานกว่า 30 ปี ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยในปี 2555 มีลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมและลูกค้าผู้ให้บริการทางด้านอาหารมากกว่า 1,500 ราย รวมถึงช่องทางค้าปลีกมากกว่า 1,600 แห่ง และมีการเติบโตของรายได้จากการขายอย่างต่อเนื่อง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น