SCC กำไรQ1พุ่งหมื่นล้าน บันทึกพิเศษขาย"มิชชิน"

SCC กำไรQ1พุ่งหมื่นล้าน
บันทึกพิเศษขาย"มิชชิน"

2015-04-24 12:02:00

ผู้เข้าชม : 4

---

"SCC" คาดไตรมาส 1/58 โชว์กำไรสุทธิ 10,080 ล้านบาท โต 20% หลังมีบันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้น "สยามมิชลิน กรุ๊ป" เข้ามา 1,600 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดกำไรสุทธิพุ่ง 41,322 ล้านบาท อานิสงส์ธุรกิจปูนซีเมนต์โต-ปิโตรเคมีฟื้น

                               

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC มีโอกาสประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/58 ออกมาเติบโตในวันที่ 29 เมษายน 2558 นี้ โดยบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ประเมินว่า กำไรสุทธิไตรมาส 1/58 ของ SCC จะมีกำไรสุทธิ 10,080 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการขายบริษัท สยามมิชลิน กรุ๊ป จำกัด (Michelin) จำนวน 1,600 ล้านบาท ในขณะที่กำไรปกติค่อนข้างทรงตัว ซึ่งผลประกอบการได้แรงหนุนจากกำไรธุรกิจปิโตรเคมี แต่ธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และกระดาษคาดจะติดลบ

ทั้งนี้ หากตัดรายการพิเศษกำไรจากการขายหุ้น Michelin 1,600 ล้านบาท จะมีกำไรปกติที่ค่อนข้างทรงตัวเท่ากับ 8,480 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มขึ้น1% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยผลประกอบการในไตรมาส 1/58 ได้แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมี ประเมินจะมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 4,200 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากวอลุ่มขายธุรกิจปิโตรเคมีจะอยู่ในระดับสูง เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น และมีการรีสต๊อก 475,000 ตัน รวมถึงสเปรดที่อยู่ในเกณฑ์ดี คือ PE-Naphtha อยู่ที่ 692เหรียญ/ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนและ PP-Naphtha อยู่ที่ 664เหรียญ/ตัน

ทั้งนี้ การทรุดลงของราคาผลิตภัณฑ์ ทำให้ไตรมาส 1/58 ยังมีผลขาดทุนในสต๊อกประมาณ 800-1,000 ล้านบาท แต่ดีกว่าไตรมาสก่อนที่ขาดทุนสต๊อกถึง 2,960 ล้านบาท  โดยสาย VCM ของ TPC มีการปิดซ่อมบำรุง 60 วัน ทำให้มีค่าใช้จ่าย และ ฉุดผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมี

สำหรับแนวโน้มปี 2558 คาดกำไร 41,322 ล้านบาท ซึ่งจะเติบโต23% จากปีก่อน โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสเปรด PE-Naphtha ที่ยืนเหนือระดับ 700 เหรียญ/ตัน  และธุรกิจปูนซิเมนต์จะกลับมาเติบโต 3-5% จากปีก่อน เนื่องจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง  และได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตปูนซิเมนต์ใหม่ที่ประเทศกัมพูชาในไตรมาส 2/58 และที่ประเทศอินโดนีเซีย ในไตรมาส3/58 

 ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างยังถูกกระทบจากตามความต้องการที่อ่อนแอ โดยปริมาณขายปูนซีเมนต์คาดว่าจะติดลบ 2% ด้านราคาขายจะปรับตัวลงเล็กน้อย ส่วนผลิตภัณฑ์ก่อสร้างคาดปริมาณจะปรับลดลง 5-10% ทำให้คาดกำไรสุทธิของธุรกิจซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างจะลดลงจากปีก่อนเหลือจำนวน 3,448 ล้านบาท หรือลดลง 16% ส่วนธุรกิจกระดาษคาดจะยังมีผลประกอบการกำไรที่ทรุดลงจากปีก่อนเหลือ 870 ล้านบาท หรือลดลง 31% จากภาวะความต้องการที่ซบเซา

นอกจากนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันมาถึงเป้าหมาย 530 บาท ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” เป็น  Trading Buy ช่วงอ่อนตัว โดยมองว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2558 คาดจะยังได้แรงหนุนจากธุรกิจปิโตรเคมี จากสเปรดเฉลี่ย PE-Naphtha ในปี 2558 คาดจะยืนเหนือ 700 เหรียญ/ตัน เทียบกับเฉลี่ยในปีก่อน 680 เหรียญ/ตัน  คาดกำไรรวมปี 2558 จะทำได้ 41,322 ล้านบาท เติบโตถึง 23%  แนวโน้มในระยะยาวจะได้แรงบวกจากแผนการลงทุน 4-5 หมื่นล้านบาทต่อปี หนุนการเติบโตต่อเนื่อง