กลุ่มแบงก์พีอีแค่10เท่า
ชี้ราคาร่วงสวนพื้นฐาน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 04 พฤศจิกายน 2556 ผู้เข้าชม : 6 คน
หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ พี/อี รูดลงเหลือเพียง 10 เท่า หลังราคาร่วงจากปัจจัยการเมือง ขณะที่พื้นฐานยังเยี่ยมทุกแห่ง โดยเฉพาะ 4 แบงก์ใหญ่ BBL, KTB, KBANK และ SCB โบรกฯแนะนำจังหวะดีเก็บเข้าพอร์ต
นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ได้ปรับลงมาค่อนข้างมาก โดยมาจากปัญหาทางการเมือง ขณะที่พื้นฐานโดยทั่วไปยังอยู่ในระดับที่ดี จะเห็นได้จากกำไรของกลุ่มในไตรมาส 3/56 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ และสินเชื่อเติบโตได้ดี
และสิ่งที่ดีเกินคาด คือ ส่วนต่างดอกเบี้ยรับไปในทิศทางที่ดีขึ้นทั้งที่การแข่งขันเงินฝากยังอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยมองว่าเป็นสิ่งที่ธนาคารทำได้ดี
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ธนาคารขนาดใหญ่ไม่ได้ขยับเพิ่มขึ้นมากเหมือนในไตรมาส 2/56 ส่วนใหญ่ที่ขยับขึ้น คือ TCAP, KKP และ TISCO แต่มาจากรถยนต์มือสองที่ราคาตกลง แต่ไม่มากเมื่อเทียบจากไตรมาส 2/56 ส่วนการตั้งสำรองนั้นธนาคารที่ทำเช่าซื้อจะตั้งสำรองสูงเป็นหลัก แต่ก็ตั้งสำรองน้อยกว่าไตรมาส 2/56
ด้านค่าธรรมเนียมนั้น ปรับตัวขึ้นเป็นอย่างมาก ที่ขยายตัวมากสุด คือ ค่าธรรมเนียมจากการขายประกัน ส่วนค่าธรรมเนียมด้านการกดตู้เอทีเอ็ม หรือ การทำธุรกรรมทั่วไป โดยที่จะปรับตัวขึ้นเห็นจะเป็นค่าใช้จ่ายของพนักงาน เนื่องจากจะมีค่าใช้จ่ายด้านโบนัส
“ช่วงนี้หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่เหมาะที่จะเข้าซื้อ พี/อี ไม่แพง เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรมที่ พี/อี สูงกว่า 30 เท่า ของแบงก์ พี/อี แค่ 10 เท่าต้นๆ ซึ่งถ้าจะดูกำไรแบงก์ก็เป็นหลายหมื่นล้านบาท พื้นฐานดี แต่การที่หุ้นร่วงเกิดจากปัจจัยการเมือง ส่วนหุ้นแบงก์ขนาดกลางและขนาดเล็กก็ถือว่าถูกอยู่ แต่ถ้าจะเข้าเก็บจริงๆแนะนำหุ้นกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่จะดีกว่า”นายกวี กล่าว
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรีฯ กล่าวว่า ภาพรวมกำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 4/56 จะลดลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ประกอบกับการตั้งสำรองของแบงก์ ซึ่งเชื่อว่าจะลดลงจากไตรมาส 3/56 โดยมุมมองสินเชื่อยังมีการเติบโตที่ดี ซึ่งเป็นซีซั่นของแบงก์ โดยจะเป็นกลุ่มส่งออก ภาคการผลิต แต่จะเป็นการฟื้นตัวชั่วคราว
ส่วนความเสี่ยงมี 2 ประเด็น คือ น้ำท่วมถึงแม้ว่าจะไม่หนักเท่ากับปี 54 แต่มีบางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น บุคคล โดยเฉพาะสินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรถยนต์ ซึ่งเอ็นพีแอลจะเพิ่มขึ้นในกลุ่มนี้ แต่ธนาคารได้มีการตั้งสำรอง และมีมาตรการที่ช่วยเหลือลูกค้าที่ดี ส่วนที่สอง คือ การตั้งสำรอง ซึ่งจะมาก หรือน้อยขึ้นกับการบริหารความเสี่ยงของแต่ละธนาคาร โดยเชื่อว่าไม่มีผลต่อกำไรของธนาคาร
อย่างไรก็ตาม 4 หุ้นธนาคารใหญ่ ประกอบด้วย BBL, KTB, SCB และ KBANK ซึ่งจะมีการทบทวนกำไรและราคาเป้าหมายใหม่หลังจากเห็นตัวเลขสินเชื่อในเดือนต.ค.ก่อน โดยจะมีเรื่องวายุภักษ์เข้ามาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเบื้องต้นในส่วนของกำไรถ้าเทียบปีก่อนหน้าจะเติบโตมากขึ้น แต่ถ้าเทียบจากไตรมาสก่อนหน้ากำไรจะลดลง
“กำไรไตรมาส 4 ลดลงทุกปี เพราะมีสำรองและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังเชื่อว่าสินเชื่อจะขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะภาคการส่งออกและการผลิต ส่วนรายย่อยต้องจับตาดู เพราะหากบ้าน รถ ถูกน้ำท่วมจะกระทบต่อเอ็นพีแอล” นายธนเดช กล่าว
ส่วน ROE ของ 4 ธนาคารนั้น SCB จะมากสุดที่ 20.7% KBANK อยู่ที่ 19.8% KTB อยู่ที่ 15.4% และ BBL อยู่ที่12.9% โดยการที่ BBL มี ROE ที่ต่ำสุด เนื่องจากฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นรายใหญ่จึงให้ราคาตอบแทนที่สูงไม่ได้เมื่อเทียบกับ SCB และ KBANK ที่มีฐานลูกค้ารายย่อยมาก ซึ่งจะให้ผลตอบแทนที่สูง
“ROE ของ SCB ปี 57 จะลดลงเล็กน้อย เพราะมาจากฐานที่ใหญ่ในปีนี้ที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 20-21% โดยยังให้ราคาเป้าหมาย BBL ไว้ที่ 234 บาท KBANK ไว้ที่ 211 บาท SCB ไว้ที่ 184 บาท และ KTB ไว้ที่ 25 บาท ซึ่งราคาเป้าหมายและ กำไรจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ หลังได้ดูตัวเลขสินเชื่อแบงก์เดือนต.ค. และรอดูตัวเลขวายุภักษ์ด้วย” นายธนเดช กล่าว
ทางด้านหุ้นที่น่าสนใจสุด คือ BBL และ KBANK เนื่องจากมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และสัดส่วนสินเชื่อมีการกระจายตัว ซึ่งไม่ได้กระจุกตัวอย่าง SCB ที่มีสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อบ้านมากกว่า 2 ธนาคาร โดยจะได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจยังมีความผันผวนอยู่
ส่วน KTB ในระยะยาว 6 เดือนเป็นหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการภาครัฐ ซึ่งคาดว่าจะเห็นในกลางปีหน้าเป็นต้นไป โดยจะเป็นตัวผลักดันให้สินเชื่อที่เกี่ยวข้องมีการเติบโตที่ดี ซึ่ง KTB มีสินเชื่อที่เกี่ยวกับการก่อสร้างอยู่เป็นจำนวนมาก และมีฐานต้นทุนเงินฝากและเงินกู้ที่ต่ำกว่าธนาคารแห่งอื่น แต่สิ่งที่จะเป็นตัวแปรสำคัญและ กระทบต่อกำไรของ KTB มีเรื่องเดียว คือ การตั้งสำรอง เนื่องจากไตรมาส 4/56 จะมีการตั้งสำรองที่มากกว่าธนาคารอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น