NOKชี้ผลงานQ3เริ่ดสุด
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 07 พฤศจิกายน 2556 ผู้เข้าชม : 5 คน
พรุ่งนี้ NOK แจ้งงบไตรมาส 3/56 "ซีอีโอ" ลั่นผลงานเริ่ดสุดในกลุ่มแอร์ไลน์ แย้มรายได้เติบโตกว่า 20% รับเคบิน แฟคเตอร์ เฉลี่ย 82% ย้ำทั้งปีรายได้เติบโต 40% โบรกฯประเมินไตรมาส 3/56 มีกำไร 238 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.4%
นายวิทัย รัตนากร ประธานเจ้าหน้าที่สายการเงิน (CFO) บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3/2556 (ก.ค.-ก.ย. 56) รายได้จะเติบโตประมาณ 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน (Cabin Factor) เฉลี่ย 82% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย เพราะได้รับผลกระทบจากแข่งขันด้านราคาอย่างรุนแรงจากสายการบินแบบฟูลเซอร์วิสที่มีการให้บริการคลอบคลุม ทั้งแบบระดับกลางจนถึงพรีเมียม ซึ่งสิ้นสุดโปรโมชั่นลดราคาไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
“รอบ 10 เดือนแรกดีขึ้น แต่ยอมรับว่าช่วงไตรมาส 3 เราได้รับผลกระทบจากการออกโปรโมชั่นลดราคาอย่างรุนแรงของสายการบินฟูลเซอร์วิส แบบในประเทศเหลือ 900 บาท ส่วนต่างประเทศให้ใช้ไมล์สะสมแลกได้เยอะมาก ซึ่งเขาเองก็ได้รับผลกระทบจากการหั่นราคาแบบนี้เลยหยุดไปตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา แต่เรายังโตกว่าปีที่แล้วประมาณ 20% ไม่ถึง 30-40% อย่างที่เคยมองไว้ และยังมั่นใจว่าไตรมาส 3 นี้ ผลประกอบการ NOK จะออกมาดีกว่าสายการบินอื่นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะช่วง 2 ไตรมาสแรก เรามีกำไรดีกว่าอยู่แล้ว ซึ่งเราจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 8 พ.ย.นี้” นายวิทัย กล่าว
สำหรับการดำเนินงานช่วงไตรมาส 4/2556 (ต.ค.-ธ.ค. 56) นั้น จะอยู่ในระดับที่ดีมาก เพราะการออกโปรโมชั่นลดราคายุติไปแล้ว ประกอบกับไม่มีปัจจัยอื่นที่ต้องกังวล เช่น ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจากช่วง 2-3 เดือนก่อนที่ 110-115 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เหลือ 105-106 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนค่าเงินบาทอยู่ในระดับที่รับได้คือ 31 บาทต่อดอลลาร์ จากเดือนกันยายนอยู่ที่ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ โดยในเดือนตุลาคมนี้ NOK มี Cabin Factor ที่ 85%
ส่วนการดำเนินงานทั้งปียังมั่นใจว่าผู้โดยสารและรายได้จะเติบโตที่ 40% ตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปีนี้ NOK มีความสามารถในการรองรับ (Capacity) ผู้โดยสารเพิ่มถึง 40% จากการรับมอบเครื่องบินใหม่ และสามารถทำยอดผู้โดยสารได้ตาม Capacity ที่เพิ่มขึ้น
“ปีนี้เรายังย้ำการเติบโตที่ 40% เพราะเรามีพื้นที่รองรับเพิ่มขึ้น 40% และสามารถบริหาร Cabin Factor ได้ตามพื้นที่เพิ่มขึ้น โดยทั้งปีจะเฉลี่ยที่ 80-85% เพราะช่วงพีคเรามี Cabin Factor ที่ 85% แต่พอช่วงโลว์เราก็ยังอยู่ในระดับดีที่ 82-83%” นายวิทัย กล่าว
สำหรับการดำเนินงานในปี 2557 นั้น นายวิทัย มองว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีสายการบินใหม่ให้บริการ คือ ไทย ไลออน แอร์ สายการบินแบบโลว์คอสต์แอร์ไลน์ของอินโดนีเซีย ที่จะเริ่มบริการปลายปีนี้ ในเส้นทางกรุงเทพฯ-อินโดนีเซีย กรุงเทพฯ-มาเลเซีย และกรุงเทพฯ-ภูเก็ต กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งแม้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ต่างจากกลุ่มเป้าหมายของ NOK ที่มีผู้โดยสารชาวไทยเป็นหลัก แต่ถือว่าเป็นความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตามอง
นายวิทัย เปิดเผยต่อว่า ในช่วง 3 ปีจากนี้ NOK ปรับลดเป้าหมายการดำเนินงานให้เติบโตที่ 25% จากเดิม 40% เพราะเห็นว่าเป็นอัตราการเติบโตที่สูงเกินไป จนกลายเป็นความเสี่ยงของธุรกิจ เนื่องจากประเมินว่าช่วง 3 ปีนี้ จะเกิดการแข่งขันอย่างรุนแรงในธุรกิจการบิน ขณะเศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งหากตั้งเป้าไว้สูงมากเมื่อเกิดปัญหาจะได้รับผลกระทบสูงมากเช่นกัน
โดยในปี 2557 NOK ยังมีแผนรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ไตรมาสละ 1 ลำ รวม 4 ลำ และช่วงปลายปีจะรับมอบเครื่องบินแบบใบพัดขนาดกลาง ซึ่งทำให้มี Capacity เพิ่มขึ้นอีก 25% และมีแผนเปิดบินเส้นทางต่างประเทศ 2 เส้นทาง คือ ฮานอย กับโฮจิมินห์ และเส้นทางในประเทศ 1 เส้นทาง คือ กระบี่
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดว่าไตรมาส 3/2556 NOK จะมีกำไร 238 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.4% เพราะมีการขยายฝูงบิน และมีการทำตลาดอย่างต่อเนื่องจึงประเมินว่าอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสารรวม (Load Factor) จะอยู่ที่ 85% แต่ลดลงจากไตรมาส 2/2556 (เม.ย.-มิ.ย.) 8.5% ซึ่งเป็นการลดลงตามฤดูกาล เพราะช่วงไตรมาส 3 อยู่นอกฤดูท่องเที่ยว (Low Season) ประกอบกับได้รับผลกระทบจากการแข่งขันลดราคา
สำหรับไตรมาส 4/2556 นั้น คาดว่ากำไรจะปรับตัวดีขึ้น เพราะเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยว (High Season) และการแข่งขันลดราคายุติลงแล้ว ส่วนประเด็นการแข่งขันในประเทศยังไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะตารางการบินของ NOK ได้เปรียบคู่แข่ง โดยคาดว่าปีนี้ NOK จะมีกำไรที่ 1.4 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนถึง 188.6% จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 36.25 บาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น