บทความ " กลยุทธ์ลงทุนหุ้น Mega Trend " โดย ธันวา เลาหศิริวงศ์
บทความ " กลยุทธ์ลงทุนหุ้น Mega Trend " โดย ธันวา เลาหศิริวงศ์
งานสัมมนาเรื่อง“กลยุทธ์ลงทุนหุ้น Mega Trend”ในรายการMoney Talkซึ่งจัดขึ้นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมานี้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมมีโอกาสเข้าร่วมเสวนาแม้มีมุมมองมากมายพร้อมข้อมูลสนับสนุนแนวโน้มใหญ่ (Mega Trend)ต่างๆ แต่ประเด็นที่ผมนำเสนอในการเสวนามีดังนี้
มิติแรกคือด้านเทคโนโลยีแม้ยุคSmart Devices/Big Data ได้เริ่มขึ้นแล้ว แต่แนวโน้มใหญ่นี้ยังจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องอีกนาน ด้วยเทคโนโลยีมีราคาเหมาะสมและช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายบริษัทไอบีเอ็มประเมินไว้ว่าปริมาณข้อมูลที่ถูกสร้างขึ้นทุก 48ชั่วโมงในปัจจุบันมีปริมาณเท่ากับข้อมูลที่เคยถูกสร้างขึ้นในอดีตจนถึงปี2004ทุกวันนี้ ข้อมูลถูกสร้างขึ้นตลอดเวลาจากการใช้งานกูเกิ้ลเฟสบุ๊คทวิตเตอร์ไลน์วิกีพีเดียและสื่อสังคมออน์ไลน์เป็นต้น ในเชิงธุรกิจ ธุรกรรมอีคอมเมิรช์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าอีคอมเมิรช์ในสหรัฐอเมริกาสูงถึง 225พันล้านเหรียญในปี2012เติบโตเพิ่มขึ้น16%แนวโน้มด้านเทคโนโลยีและการต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตสู่โลกออนไลน์ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อหลายกลุ่มธุรกิจได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที หนังสือ ห้างสรรพสินค้า และโครงสร้างธุรกิจสื่อโฆษณาที่ผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น
แม้ผู้ให้บริการไอซีทีจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น แต่กิจการที่โดดเด่นจะต้องมีผลดำเนินงานที่เติบโตทั้งรายได้และกำไรเพราะต้องบริหารจัดการเรื่องราคาต่อหน่วยที่ลดลงซึ่งเกิดจากการแข่งขันด้วย สำหรับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือในไทย จะได้รับผลกระทบจากการลงทุนเครือจ่าย3G ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายโอนย้ายลูกค้าในช่วงแรก ก่อนที่จะได้ประโยชน์จากใบอนุญาตใหม่ที่เสียส่วนแบ่งรายได้ลดลง นักลงทุนควรพิจารณาลงทุนในกิจการที่มีกลยุทธ์ธุรกิจที่จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มใหญ่ในอนาคตอันใกล้และควรหลีกเลี่ยงบริษัทที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากแนวโน้มใหญ่ที่จะเกิดขึ้นด้วย
มิติที่สองโครงสร้างประชากรโลกเปลี่ยนแปลงไปแนวโน้มสัดส่วนค่ารักษาพยาบาลต่อจีดีพีของแต่ละประเทศเพิ่มสูงขึ้น อายุเฉลี่ยประชากรยาวขึ้นเพราะคนให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น สอดคล้องกับข้อมูลจาก U.S. Census Bureauที่คาดการณ์ว่าจะมีชาวอเมริกันที่มีอายุ 100ปีถึง 10เปอร์เซ็นต์ในปี 2050 ความไม่สมดุลระหว่างช่วงอายุเกษียณ เงินสะสมและเวลาหลังเกษียณทำให้บางประเทศเริ่มเลื่อนอายุเกษียนเป็น 63หรือ 65ปีความไม่สมดุลจำนวนคนวัยทำงานและค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจนต้องนำหุ่นยนต์มาใช้เพิ่มขึ้นในบางประเทศ การขาดแคลนแรงงานคุณภาพในประเทศที่มีประชากรมาก การเคลื่อนย้ายของประชากรและการเข้าสู่สังคมคนเมืองล้วนเป็นแนวโน้มที่เห็นชัดเจนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังดำเนินต่อไปอีกนานเช่นกัน
แม้ไม่ใช่เรื่องยากในการเลือกกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มใหญ่นี้ แต่นักลงทุนต้องพึงระลึกไว้เสมอว่า การลงทุนหุ้นในกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีวินัยและอดทนในการรอ เพราะกิจการจะได้ประโยชน์อย่างค่อยเป็นค่อยไปจากการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ แตกต่างจากแนวโน้มใหญ่แรก ดังนั้นการเข้าลงทุนหุ้นยามตลาดตกใจชั่วคราว (panic sell)แล้วใช้กลยุทธ์ซื้อและถือ (Buy & Hold)น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนอย่างสบายใจและยังได้ประโยชน์จากแนวโน้มใหญ่นี้
มิติสุดท้าย ด้านเศรษฐกิจ การเติบโตเศรษฐกิจเอเชียเพิ่มความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก ข้อมูล National Power Indexซึ่งพิจารณาจากจีดีพี ประชากร เทคโนโลยีและงบประมาณทางทหาร จากวิกิพิเดียพบว่า ประเทศจีนจะขึ้นเป็นที่หนึ่งแซงหน้าสหรัฐ(2)อินเดีย(3)ญี่ปุ่น(4)บราซิล(5)ในปี 2030และภายในปี 2050 อินเดียจะแซงสหรัฐขึ้นเป็นที่สองอีกด้วยทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกจะเชื่อมโยงกันใกล้ชิดมากขึ้น การเคลื่อนย้ายของเงินทุนและผลกระทบจะมีขนาดและความรวดเร็วเพิ่มขึ้น การรวมตัวกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพและการต่อรองที่ดีขึ้น นอกจากนี้ แนวโน้มธุรกรรมการควบรวมกิจการที่จะมีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
การที่เศรษฐกิจในประเทศเติบโตดี นั่นหมายถึง ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กำลังซื้อ การจับจ่ายใช้สอยบันเทิงและสันทนาการตลอดจนความมั่งคั่งของประชากรที่เพิ่มมากขึ้นเราจึงพบเห็นตัวเลขการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบเห็นนักท่องเที่ยวจากจีนและแถบเอเชียมากขึ้น พบเห็นชาวจีนหรือเอเชียส่งบุตรหลานเข้าเรียนในต่างประเทศมากขึ้นเป็นต้น นักลงทุนต้องพิจารณาลงทุนในธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของแถบกลุ่มประเทศเอเชียเช่นกัน
จะเห็นได้ว่า แนวโน้มใหญ่และข้อมูลบางส่วนอาจคล้ายกับการเสวนาครั้งก่อนที่จัดขึ้นกว่าหนึ่งปีที่ผ่านมา นี่เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ดีว่า แนวโน้มใหญ่นั้นมักเกิดขึ้นเป็นระยะเวลายาวนานและจะมีเหตุการณ์จริงทยอยเกิดขึ้นมาสนับสนุนแนวโน้มใหญ่นั้นอีกด้วย
ในภาวะที่ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยการเมืองร้อนแรงเข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุน ส่งผลให้ราคาหุ้นผันผวนแกว่งขึ้นลงรายวัน ในฐานะ Value Investor หากเห็นว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของกิจการอย่างมีนัยสำคัญแล้ว อาจเลือกใช้กลยุทธ์อยู่เฉยๆ (wait & see)และใช้ “เวลา”ให้เกิดเป็นประโยชน์สูงสุด รวมทั้งจัดสรรเวลาให้กับคนรอบข้างที่เรารักอย่างเหมาะสม ดังคำกล่าวที่ว่า “The greatest gift you can give to someone is your TIME. Because when you give your time, you are giving a portion of your life that you will never get back”นั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น