วิธีการทำธุรกิจขั้นเลิศที่ยังไม่มีใครเคยทำ : TOMS Stock2morrow Community / by NangFah
กรณีศึกษา : รองเท้า TOMS กับ วิธีการทำธุรกิจชั้นเลิศที่ยังไม่เคยมีใครทำ » ชีวิตคนเรา ควรใช้ครึ่งหนึ่งเพื่อหา และอีกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ Blake Myscokie ทิ้งกิจการงานธุรกิจของเขาไปเที่ยวอาร์เจนติน่าในเดือนมกราคม 2006 ในวัย 29 ปี เขาได้เรียนรู้อะไรมากมายจากแดนฟ้าขาว ...
ทริปนี้เป็นทริปที่เปลี่ยนชีวิตของเขาไปโดยสิ้นเชิง เขาได้รู้จักกับรองเท้าท้องถิ่นดั้งเดิมของอาร์เจนติน่าที่มีอายุยืนยาวมากว่าร้อยปี มันมีชื่อเรียกว่า Alpargata เป็นรองเท้าผ้าที่นุ่มนิ่มสวมใส่สบาย ถอดง่ายใส่คล่อง ทนทาน และเป็นรองเท้าที่คนงานชาวอาร์เจนติน่าโปรดปรานมาก พอ Blake เห็นรองเท้าทรงนี้ และเห็นเด็กจำนวนมากในอาร์เจนติน่าไม่มีรองเท้าใส่ เขาเลยเกิดไอเดียทางธุรกิจที่สุดบรรเจิด จนต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งในเวลา 2 เดือนถัดมา คราวนี้เขามาในฐานะของนักธุรกิจไม่ใช่นักท่องเที่ยวเหมือนเก่า เขาตัดสินใจแล้วว่าจะลงทุนทำโรงงานผลิตรองเท้า Alpargata ขาย ======
Alpargata นั้นมีรูปทรงคล้าย Vans รองเท้าแบรนด์ดังที่ Blake นิยมชมชอบเป็นทุนเดิม เขาสงสัยมานานแล้วว่าทำไม Vans ถึงไม่ทำรองเท้าสีหวาน ๆ บ้าง ในเมื่อ Vans ไม่ทำ เขาก็ลงมือทำเสียเอง ว่าแล้วเขาก็จัดการเปลี่ยนโฉมรองเท้า Alpargata ซึ่งเชยจนคนไม่อยากมองซ้ำสองให้กลายเป็นรองเท้าแฟชั่นสีสันสดใส บริษัทขนาดกะทัดรัดของเขามีพนักงานเต็มเวลา 7 คน พนักงานฝ่ายขาย 6 คน เด็กฝึกงาน 8 คน ทุกคนล้วนไร้ประสบการณ์ในวงการแฟชั่น เมื่อทุกอย่างพร้อม Blake ก็เปิดตัวรองเท้า TOMS ด้วยรองเท้า 15 รุ่นสำหรับชายและหญิง รวมถึงรุ่นพิเศษแบบลิมิเต็ดที่ชวนศิลปินมาออกแบบ พวกเขาขายผ่านเว็บไซต์โดยมีวางขายในร้านประมาณ 40 แห่งในสหรัฐอเมริกา
พอถึงปลายปี พวกเขาก็ทำยอดได้ 10,000 คู่ และในช่วงต้นปี 2007 ก็มียอดเข้ามาจากร้านค้า 300 แห่ง จาก ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น แคนาดา สเปน และฝรั่งเศส นับรวมกันได้ประมาณ 41,000 คู่ พวกเขาขายรองเท้าคู่ละ 38 เหรียญสหรัฐ และการขายผ่านระบบออนไลน์นั้นกำไรดีมาก แต่เขาก็เลือกที่จะตั้งราคาให้ต่ำกว่าปกติ แทนที่จะขายแพง ๆ แล้วเก็บส่วนต่างที่มากขึ้น เหมือนอย่างรองเท้ายี่ห้ออื่น ======
ในเวลาไม่นาน TOMS ก็ถูกพูดถึงในวงกว้าง มีสื่อมาสัมภาษณ์เขาเยอะมาก ไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นรองเท้าชั้นดี แต่เป็นวิธีการทำธุรกิจชั้นเลิศที่ยังไม่เคยมีใครทำ จากประสบการณ์ในการทัวร์แดนฟ้าขาวครั้งนั้นของ Blake เขาตัดสินใจแน่วแน่ที่จะเขียนพันธกิจของบริษัทไว้เพียงข้อเดียวคือ... "ทำชีวิตคนให้สบายขึ้น" การออกแบบรองเท้าที่สวมใส่สบายก็เรื่องหนึ่ง และการทำให้ชีวิตของคนที่ไม่มีรองเท้าใส่ดีขึ้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การคืนกำไรของบริษัทห้างร้านไปสู่ผู้ด้อยโอกาสนั้นมีให้เห็นทั่วไป แต่ว่ากันว่ายังไม่เคยมีองค์กรไหนใจป้ำขนาดรองเท้า TOMS
เจ้าของบริษัทเขาประกาศก้องตั้งแต่แรกว่า จุดประสงค์ในการตั้งบริษัทของเขาไม่ใช่เพื่อขายรองเท้า แต่เพื่อแจกรองเท้า เมื่อมีลูกค้าซื้อรองเท้า TOMS 1 คู่ Blake จะบริจาครองเท้า TOMS 1 คู่ ให้กับเด็กที่ขาดแคลน นี่ไม่ใช่กลยุทธ์ทางการตลาด แต่เป็นรูปแบบในการทำธุรกิจแนวใหม่ ที่อยากมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบกับโลก ผ่านวิธีการที่ง่ายมาก ซื้อหนึ่งบริจาคหนึ่ง “คุณซื้อรองเท้าเรา เราบริจาครองเท้าในนามคุณ” เจ้าของเขาบอกอย่างนั้น “ผมใช้ชีวิตครึ่งหนึ่งในการหาเงิน และใช้ชีวิตอีกครึ่งเพื่อใช้มันไป” ชายที่เรียกตำแหน่งตัวเองว่า หัวหน้าคนแจกรองเท้า แทนคำว่า CEO พูดถึงปรัชญาการใช้ชีวิตของเขา ======
เปิดกิจการ 2 ปีแรก เขาบริจาครองเท้าไปแล้ว 10,000 คู่สำหรับเด็กในอาร์เจนติน่า และ 50,000 คู่สำหรับเด็กในอัฟริกาใต้ และนับจนถึงวันนี้ เขาบริจาครองเท้าไปแล้วทั้งหมดมากกว่า 10 ล้านคู่..สำหรับเด็กทั่วโลก ผมชอบที่เขาบอกว่า ชีวิตคนเรา ควรใช้ครึ่งหนึ่งเพื่อหา และอีกครึ่งหนึ่งเพื่อให้ ชีวิตเรามันควรจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ การหาและการให้ก็คงเหมือนรองเท้าข้างซ้ายและข้างขวา หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป อีกอย่างคงไร้ค่า ====== Credit : ทรงกลด บางยี่ขัน | www.Lonelytrees.net #Life101Page #SocialEnterprise #Inspiration Attached Images Tweet Visit website
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น