วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

BLAโชว์9เดือน อ้วนพี3.5พันล. ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2556

BLAโชว์9เดือน
อ้วนพี3.5พันล.

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2556 
ผู้เข้าชม : 3 คน 

กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) กำไรสุทธิไตรมาส 3/56 กว่า 1.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% ส่งผล 9 เดือนแรกกำไรปลิ้น 3.47 พันล้านบาท ส่วน “กรุงเทพประกันภัย” (BKI) กำไรฟื้นตัว ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 225%

นายโชน โสภณพนิช กรรมการู้จัดการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2556 บริษัทมีกำไรสุทธิกว่า 1,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.6% ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,475 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 2.87 บาท
ส่วนดอกเบี้ยปีแรกเติบโต 8,700 ล้านบาท แบ่งออกเป็น ช่องทางผ่านแบงก์แอสชัวร์รันส์ประมาณ 7,400 ล้านบาท ส่วนช่องทางผ่านตัวแทนโตประมาณ 1,100 ล้านบาท และช่องทางกลุ่มประมาณ 200 ล้านบาท
การที่ผลการดำเนินงานเติบโตในระดับดี เป็นผลมาจากช่องทางการขายประกันผ่านธนาคารเติบโตดีเกินขาด ทำให้อัตราการต่ออายุกรมธรรม์โดยรวมเฉลี่ยโตประมาณ 95% สำหรับยอดขายผ่านธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 7,400 ล้านบาท ซึ่งเติบโตมากที่สุดในกลุ่ม โดยเฉพาะช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากบริษัทเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าธนาคารให้ตรงกับความต้องการมากขึ้น
ล่าสุด บริษัทออกกรมธรรม์ห่วงครอบครัวและกรมธรรม์ห่วงลูกหลาน ซึ่งกรมธรรม์ดังกล่าวได้รับการตอบรับดีกว่า 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่องทางแบงก์แอสชัวร์รันส์ในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายชัย โสภณพนิช ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ผลการดำเนินงานบริษัทช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 3,665.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 14.5% มีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 402.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172.5%
รายได้สุทธิจากการลงทุน 308.8 ล้านบาท ลดลง 57.8% หักเงินสมทบฯ และต้นทุนทางการเงิน 17.4 ล้านบาท ทำให้มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 693.9 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทมีกำไรสุทธิ 550.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 255.8% และมีกำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 7.24 บาท พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดที่ 3 (ก.ค.-ก.ย.) ปี 2556 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 2.75 บาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปีนี้ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 11,481.9 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 22.6% มีผลกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 661.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น133.4% รายได้สุทธิจากการลงทุน 1,148.0 ล้านบาท ลดลง 53.4% หักเงินสมทบฯและต้นทุนทางการเงิน 57.4 ล้านบาท
ทำให้มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ 1,751.7 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว มีกำไรสุทธิ 1,465.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 240.0% กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน 19.28 บาท
นายชัย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจประกันภัยของไทยในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้ ยังคงเติบโตดีต่อเนื่อง แม้จะเป็นในอัตราที่ชะลอตัวก็ตาม โดยเบี้ยประกันรับโดยตรงในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 200,000 ล้านบาท หรือเติบโต 15% ลดลงจากปีก่อนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดที่ 28%
ปัจจัยที่ส่งผลต่อธุรกิจประกันวินาศภัยช่วงนี้ ได้แก่ เศรษฐกิจไทย แม้จะอยู่ในภาวะเสี่ยงจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ล่าช้า ประกอบกับการส่งออกยังปรับตัวไม่ดีขึ้น เนื่องด้วยยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่เปราะบางของประเทศคู่ค้าหลัก
อย่างไรก็ตาม BKI ยังคงความแข็งแกร่งจากการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A- (Stable) จาก Standard & Poors หรือ S&P เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยปรับขึ้นเป็นระดับ A- (Stable) จากเดิมอยู่ที่ระดับ A- (Negative) สะท้อนให้เห็นว่า ความคงเป็นผู้นำในธุรกิจประกันวินาศภัยที่มีความสามารถทางการแข่งขัน ด้วยผลประกอบการที่ดี และมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยเงินกองทุนและสินทรัพย์ที่มั่นคง รวมทั้งมีการบริหารเงินทุนในระดับที่น่าพึงพอใจ ถือเป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยที่เข้มแข็งของประเทศไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น