นับถอยหลังมิคสัญญี
คอลัมน์ วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ผู้เข้าชม : 7 คน
2-3 วันที่ผ่านมามีหนังสือพิมพ์พาดหัว “ต่างชาติกระเจิง” แต่อ้างว่าเป็นเพราะไม่เชื่อนโยบายรัฐบาล อ่านข่าวแล้วตลก ผมไม่ต้องเป็นนักวิเคราะห์ก็ชี้ได้ว่า “ต่างชาติกระเจิง” เพราะสถานการณ์การเมือง ที่ส่อเค้าว่าประเทศไทยจะอยู่ในมิคสัญญีอีกหลายปี
รัฐบาลและรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง กำลังจะถูกโค่นโดยศาล องค์กรอิสระ และม็อบอนาธิปไตยคนชั้นกลางเก่า โดยยังไม่เห็นทางออกจากวิกฤติ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจะทำให้สังคมล่มสลาย
ระบอบประชาธิปไตยยอมรับอำนาจของเสียงข้างมาก พร้อมกับให้หลักประกันเสรีภาพเสียงข้างน้อย เสียงข้างน้อยขึ้นมาเป็นใหญ่ได้ถ้าสามารถเปลี่ยนใจเสียงข้างมาก แต่ปัญหาที่สังคมไทยกำลังเจอคือเสียงข้างน้อยต้องการผูกขาดอำนาจ พอไม่ได้ดังใจก็คลุ้มคลั่งไร้เหตุผล
เสียงข้างน้อยในสังคมไทยซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลาง ไม่ได้มุ่งโน้มน้าวให้เสียงข้างมากคล้อยตาม แต่อาศัยพลังอำนาจของตน ร่วมกับพลังอำนาจของชนชั้นนำ เอาชนะโดยไม่คำนึงถึงกติกา โดยอ้างว่าเสียงข้างมากโง่ หรือเห็นแก่ผลประโยชน์
เมื่อ 7 ปีที่แล้ว เสียงข้างน้อยออกบัตรเชิญรัฐประหาร แล้วใช้พลังอำนาจของคนชั้นกลาง ใช้สื่อ ใช้สถาบันวิชาการ ใช้สถานะ ความมีเครดิต มีชื่อเสียงส่วนบุคคล สร้างความชอบธรรมให้รัฐประหาร ซึ่งไม่เพียงยึดอำนาจด้วยรถถัง แต่ยังใช้อำนาจศาลอย่างไม่ยุติธรรมต่อนักการเมืองที่เสียงข้างมากเลือกมา เช่น แก้ไขกฎหมายให้กรรมการบริหารพรรคที่ถูกยุบต้องถูกตัดสิทธิ 5 ปี แล้วตุลาการก็ตัดสินให้มีผลย้อนหลัง
คนชั้นกลางผู้มีการศึกษา สื่อ นักวิชาการ บอกชาวบ้านว่านี่คือความถูกต้องชอบธรรม เช่นเดียวกับการยุบพรรคพลังประชาชน โดยร่างรัฐธรรมนูญวางยาไว้ กกต.ให้ใบแดงกรรมการบริหารพรรคคนเดียว ถูกถอดถอนเหมาเข่ง ส่งผลให้เปลี่ยนขั้วอำนาจ ได้พรรคที่เสียงข้างมากไม่เลือก แต่ถูกจริตคนกรุง
เช่นกัน วันนี้คนกรุงที่จบปริญญาโท ปริญญาเอก เรียนเมืองนอก กำลังบอกชาวบ้านว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้วุฒิสภามาจากการเลือกตั้งเป็นความผิดมหันต์ 312 ส.ส. ส.ว. ที่พวกเขาเลือกมาจะต้องถูกถอดถอน ตามหลัก “นิติธรรม”
ถามว่าใครโง่กันแน่ ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาใครทำให้ตรรกะวิบัติ คนกรุงเคยนำต้านเผด็จการ วันนี้บอกคนชนบทว่ารัฐประหารถูกต้องแล้ว คนกรุงเคยชูธงเขียวไชโยโห่ร้องรับรัฐธรรมนูญ 2540 วันนี้บอกว่าต้องมี ส.ว.สรรหา มาจากคน 7 คน
คนชนบทไม่ได้โง่หรอกครับ คนชนบทมองออกว่าคนกรุงกำลังปกป้องอำนาจของตน ปกป้องความเชื่อว่าตนอยู่เหนือกว่า คนชั้นกลางผู้มีการศึกษาจะต้องมีอำนาจกำหนดอนาคตประเทศมากกว่าคนจน ไม่ใช่ “หนึ่งคนหนึ่งเสียง” เท่ากัน คนชั้นกลางที่สีลม อโศก ราชประสงค์ ฯลฯ เชื่อว่าตัวเองเป็นเจ้าของประเทศ เพราะเป็นผู้จ่ายภาษี ชาวนา ชาวไร่ แท็กซี่ สามล้อ เป็นเพียงพวกจน โง่ อาศัยพึ่งใบบุญ
ฐานความคิดนี้ที่ทำให้คนกรุงออกมาไล่รัฐบาลโดยไม่เอาการเลือกตั้ง ไม่เรียกร้องให้ยุบสภา แต่มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนอกระบอบ หวังสร้างระบอบการปกครองที่คนชั้นกลางชาวกรุงเป็นใหญ่ร่วมกับชนชั้นนำอนุรักษนิยม ใช้ศาล ใช้ทหาร ใช้พลังคนชั้นกลาง กดเสียงข้างมากของประเทศให้ยอมพึ่งใบบุญต่อไป
ข้ออ้างเรื่องนักการเมืองชั่วเป็นแค่เปลือกฉาบ เพราะบนเวที ก็มีนักการเมืองชั่วไม่แพ้กัน ข้ออ้างเรื่องทุนสามานย์ บนเวทีก็มีลูกหลานทุนผูกขาดเบียร์ ลึกลงไปแท้จริงเป็น “สงครามชนชั้น” การแย่งชิงอำนาจ สิทธิ ผลประโยชน์ ระหว่างคนชั้นกลางเก่ากับคนชั้นกลางระดับล่างที่เกิดใหม่ในชนบท
สงครามครั้งนี้ไม่จบง่าย เพราะถ้าอนาธิปไตยเสียงข้างน้อยชนะ เสียงข้างมากก็มีความชอบธรรมที่จะต่อต้านทุกวิธีการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น