Good Morning News 13 พฤศจิกายน 2556
Good Morning News 13 พฤศจิกายน 2556
Good Morning News จาก กองทุนบัวหลวง
---------------------------------------------
13 พฤศจิกายน 2556
General News
----------------
• มูดีส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะมีเสถียรภาพมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วในกลุ่ม G-20 จะฟื้นตัวเล็กน้อย ด้วยอัตราการขยายตัว GDPที่ 1.3% ในปีนี้ และ 2.0% ในปีหน้ากับปี 2558 ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กลุ่ม G-20 จะอ่อนแรงลงกว่าที่คาดไว้เมื่อ 3 เดือนก่อน โดยจะขยาย 5% ในปี ก่อนจะเพิ่มเป็น 5.5% ใน 2 ปีถัดไป
• ดัชนี CPI ของอังกฤษเดือน ต.ค.เป็น 2.2% เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยลดลงจาก2.7% ในเดือน ก.ย. และเป็นอัตราเพิ่มขึ้นระดับต่ำสุดนับแต่เดือน ก.ย. ปี 2555
• สถาบันผู้สำรวจที่ได้รับอนุญาตของอังกฤษ รายงานว่า ดัชนีราคาบ้านเดือน ต.ค.ทะยานขึ้นแตะ +57 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 11 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการบ้านที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดความวิตกถึงภาวะฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์รอบใหม่ แต่จำนวนบ้านในปัจจุบันยังไม่พอที่จะรองรับความต้องการ แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขิ้น โดยหากไม่มีการก่อสร้างบ้านใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว ราคาบ้านก็มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นต่อไป
• ส.สถิติแห่งชาติของเยอรมนี รายงานว่า ดัชนี CPI ของเยอรมนีเดือน ต.ค. ร่วงลงแตะ 1.2% เมื่อเทียบรายปี ต่ำสุดนับแต่เดือน เม.ย. (เดือน ก.ย เป็น.1.4%) เป็นผลจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลง 0.2% ในเดือนที่แล้ว แต่หากไม่รวมราคาพลังงานที่มีความผันผวน CPI จะทรงตัวเมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
• รัฐมนตรีเศรษฐกิจของสเปน กล่าวว่า เศรษฐกิจสเปนเริ่มฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากการปรับฐานความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจและการเพิ่มปัจจัยชี้วัด เช่น อัตราการผลิต ส่วนชดเชยความเสี่ยง และตลาดเงินทุน แต่มีอีกหลายอย่างที่ต้องทำเนื่องจากยอดขาดดุลและหนี้ยังสูง ทั้งนี้ ธ.กลางสเปนระบุว่าการบริโภคภาคเอกชนขยายตัว 0.1% ในไตรมาสที่ 3 เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัว 0.1% แต่ยังต้องทำให้การขยายตัวแข็งแกร่ง เพื่อสร้างงานในประเทศที่มีอัตราการว่างงานสูงกว่า 26%
• ธ.กลางสหรัฐ รายงานว่า ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.ปรับขึ้นสู่ 0.14 จาก 0.13 ในเดือนก่อนหน้า โดยมีแรงหนุนจากภาคการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น
• รมต.คลังญี่ปุ่น เห็นด้วยกับ รมต.คลังสหรัฐ ว่าควรร่วมมือกันหาข้อสรุปเรื่องการเปิดเสรีการค้าหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิกให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ดี ทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐยังไม่เห็นพ้องเรื่องรายละเอียดของข้อตกลงการค้าเสรี โดยสหรัฐต้องการให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีทั้งหมด ทำให้ญี่ปุ่นต้องป้องกันภาคเกษตรกรรมด้วยการคงการจัดเก็บภาษีสำหรับการนำเข้าข้าว ข้าวสาลี เนื้อวัว เนื้อหมู ผลิตภัณฑ์นมและน้ำตาล เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ เอาไว้
• ความเชื่อมั่นผู้บริโภคญี่ปุ่นลด 4.2 จุด จากเดือน ก.ย.ไปเป็น 41.2 ในเดือน ต.ค. หลังจากกระเตื้องขึ้นในเดือนก่อนหน้า สะท้อนว่าประชาชนกำลังวิตกกังวลมากขึ้นว่าการปรับขึ้นภาษีการขายในปีหน้าอาจเป็นปัจจัยถ่วงเศรษฐกิจ
• ธ.กลางเกาหลีใต้ ระบุ ราคาสินค้านำเข้าในเกาหลีใต้ลดลง 2.4% ในเดือน ต.ค. ลดลง 2 เดือนติดกันหากเทียบรายปีหลังเงินวอนแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงน้ำมันดิบที่ลดลงด้วย
• ธ.กลางอินโดนีเซียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ภายหลังการประชุมการประชุม สู่ 7.50% จากเดิม 7.25%
• ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศภาวะภัยพิบัติในประเทศ และเร่งให้ความช่วยเหลือชุมชนที่ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 10,000 ราย โดยจัดสรรเงินทุนไว้ฟื้นฟูประเทศ 429 ล้านดอลลาร์
• IMF ระบุผลการพิจารณาทบทวนภาวะเศรษฐกิจไทยเมื่อ 12 พ.ย.นี้ว่า โครงการจำนำข้าวจะทำให้ขาดทุนต่อเนื่องหากรัฐบาลไทยยังเดินหน้านโยบายจำนำข้าว ซึ่งขณะนี้ขาดทุนสะสมมาตั้งแต่ปี 2554 อย่างน้อย 4.46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ IMF ระบุว่า การขาดข้อมูลเกี่ยวกับการจำนำข้าวของรัฐบาล ได้ลดความเชื่อมั่นต่อการคลังของประเทศ และขอให้เลิกโครงการรับจำนำข้าวเพื่อลดภาระการคลัง แต่ให้จ่ายตรงเข้ามือชาวนาแทนรับซื้อข้าวราคาสูงกว่าตลาด
• IMF แนะนำให้รัฐบาลไทยขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากปัจจุบัน 7% ให้ใกล้ 10% ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงประเทศเพื่อนบ้าน ให้ขึ้นภาษีทรัพย์สิน ตัดค่าลดหย่อนทางการภาษีบุคคลธรรมดา และลดค่าใช่จ่ายที่ไม่จำเป็นลงเพื่อเพิ่มรายได้ภาษีให้มากขึ้น รวมทั้งให้ยุติการอุดหนุนราคาพลังงาน
ทั้งนี้ IMF ประเมินว่า รัฐบาลจะขาดดุลงบประมาณเพิ่มเป็น 3.4 % ต่อ GDP ในปีนี้ เพิ่มจาก 1.7% ต่อ GDP ในปี 2554 และหนี้สาธารณะจะเกิน 53% ของ GDP ภายในปี 2561 ในขณะที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะรักษาหนี้สาธาณะไว้ไม่ให้เกิน 50% ต่อ GDP โดยจะทำให้งบประมาณสมดุลภายในปี 2560 นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ ธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปกติ หากมีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น
• ผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารบริษัทในประเทศไทยเกี่ยวกับแนวโน้มทางเศรษฐกิจและธุรกิจ พบว่าดัชนีทางเศรษฐกิจในเดือนตุลาคมเท่ากับ -16 ซึ่งต่ำสุดในรอบปี และลดลงจากเดือน ก.ย.ถึง -9 สะท้อนภาวะชะงักงันของเศรษฐกิจ ทั้งนี้ การที่ดัชนีมีค่าติดลบสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของผู้บริหารต่อปัญหาด้านการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
Equity Market
---------------
(ล้านบาท)
นักลงทุนสถาบัน 547.37
บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ 433.55
นักลงทุนต่างชาติ -3,264.64
นักลงทุนทั่วไป 2,283.73
• SET Index ปิดที่ 1,413.08จุด เพิ่มขึ้น 7.17 จุด (+0.51 %) ด้วยมูลค่าซื้อขาย 30,463.98 ล้านบาท ปิดบวกเป็นวันที่ 2 โดยยังรอดูผลการประชุมร่วมกันระหว่างสภาสูง – สภาล่างในวันที่ 13 พ.ย. ต่อแนวทางในการแก้ไขปัญหาวิกฤติทางการเมือง โดยหุ้นขนาดใหญ่ติดลบจึงกดดัน Upside Gain ของตลาดหุ้น (INTUCH -1.3%, KBANK -0.8%, PTT -0.7%, ADVANC -0.4%)
• NIKKEI ปิดที่ 14,588.68จุด เพิ่มขึ้น +2.2% ปรับตัวขึ้นมากสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากเงินเยนเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯที่ยังคงอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์
Fixed Income Market
------------------------
• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเปลี่ยนแปลงในช่วงระหว่าง 0.00% ถึง 0.03% ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวม 69,471 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น