บางจากกำไรทะยาน
โชว์9เดือน3,964ล้าน
ลุ้นปีนี้พุ่งเกิน 5,400 ล้าน – เชียร์ซื้อเป้า 44 บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 08 พฤศจิกายน 2556 ผู้เข้าชม : 8 คน
BCP กำไร 9 เดือนพุ่ง 3,964 ล้านบาท โชว์อีบิทด้ารวมโตขึ้น 32% ทะลุ 7,500 ล้านบาท โซลาร์ฟาร์มผลิตครบ 70 เมกะวัตต์หนุน โบรกฯเพิ่มคาดการณ์กำไรปีนี้อีก 7% เชื่อกำไรทั้งปีเติบโตเกิน 5,400 ล้านบาท แนะซื้อ ราคาพื้นฐาน 44 บาท
นายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/56 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 1,359 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 2/56 ที่มีกำไรสุทธิ 406 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 1,071 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมงวด 9 เดือนแรกของปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิรวม 3,964 ล้านบาท สูงกว่างวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,125 ล้านบาท
สำหรับในไตรมาส 3/56 บริษัทมีการกลั่นน้ำมันเฉลี่ย 100,610 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/56 ที่กลั่นระดับ 95,610 บาร์เรลต่อวัน และมีค่าการกลั่นพื้นฐาน 4.72 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 17% จากงวดก่อนหน้าที่ได้ 5.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากต้นทุนน้ำมันดิบสูงขึ้น ทำให้ส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปเทียบกับน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรสต๊อกน้ำมัน 926 ล้านบาท และเมื่อรวมกับกำไรบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมัน 230 ล้านบาท ส่งผลให้บางจากมีค่าการกลั่นรวม 8.67 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ด้านธุรกิจด้านการตลาด มียอดจำหน่ายน้ำมัน 1,216 ล้านลิตร ลดลง 2% จากไตรมาส 2/56 ที่จำหน่าย 1,237 ล้านลิตร เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน แต่เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนที่จำหน่าย 1,018 ล้านลิตร หลังจากประชาชนใช้น้ำมัน E10, E20, E85 และมีการขยายสถานีบริการสูงขึ้น
นายวิเชียร เปิดเผยอีกว่า สำหรับในไตรมาส 3/56 บริษัทมี EBITDA รวมทั้งหมด 2,564 ล้านบาท เติบโตขึ้น 71% จากไตรมาส 2/56 และโตขึ้นเมื่อเทียบกับงวดปีก่อน 16% แบ่งเป็น EBITDA ในธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจไบโอฟูเอลจำนวน 1,838 ล้านบาท ธุรกิจการตลาด 354 ล้านบาท และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ 372 ล้านบาท
ขณะที่ EBITDA รวมงวด 9 เดือนแรกปี 2556 บริษัททำได้รวมทั้งสิ้น 7,537 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 32% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่ระดับ 5,719 ล้านบาท แบ่งเป็น EBITDA ในธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจไบโอฟูเอลจำนวน 5,292 ล้านบาท ธุรกิจการตลาด 1,264 ล้านบาท และธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ 981 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์งวด 9 เดือนแรกที่ทำ EBITDA ได้สูง 981 ล้านบาท เติบโตขึ้น 284% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อนที่ได้ 256 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้เริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าขายแบบเชิงพาณิชย์ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม เฟส 2 จนส่งผลให้มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 70 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โครงการเฟส 1 จำนวน 38 เมกะวัตต์ และเฟส 2 จำนวน 32 เมกะวัตต์ ส่วนเฟส 3 กำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมจำหน่ายไฟฟ้าประมาณไตรมาส 2 ปี 2557
ด้านแนวโน้มราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบดูไบในช่วงที่เหลือของปีอยู่ที่ 102-108 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพราะในช่วงฤดูหนาวจะเกิดความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ราคาน้ำมันจะเพิ่มไม่สูงขึ้นมากนัก หลังจากความตึงเครียดในตะวันออกกลางผ่อนคลายลง และสหรัฐอเมริกาผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นายวิเชียรระบุในช่วงที่ผ่านมาว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานทั้งปี 2556 กำหนดเป้าหมายทำ EBITDA เติบโตขึ้นสู่ระดับ 9,600 ล้านบาท ดังนั้น หากโครงการโซลาร์ฟาร์ม เฟส 3 ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มผลิตแบบเชิงพาณิชย์งวดปีหน้า จะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้ง 3 โครง จำนวน 118 เมกะวัตต์ และส่งผลให้เฉพาะธุรกิจไฟฟ้ามีศักยภาพทำ EBITDA สูงถึง 2,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30% ของ EBITDA รวมของกลุ่ม
ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัท หลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิงวดปี 2556 ของ BCP ขึ้นอีก 7% มาอยู่ที่ระดับ 5,443 ล้านบาท สูงกว่างวดปีก่อนที่ได้กำไรสุทธิ 4,272 ล้านบาท กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 44 บาท เพื่อสะท้อนการบันทึกกำไรพิเศษในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 แต่ปรับลดประมาณการกำไรหลักปีนี้ลง 27% มาอยู่ที่ระดับ 3,740 ล้านบาท เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนสมมติฐานบางประการ เช่น ค่าการกลั่นตลาดลดลง 11% เป็น 6.2 เหรียญต่อบาร์เรล และค่าการตลาดค้าปลีกที่ลดลง 15% เป็น 0.55 บาทต่อลิตร
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 4/56 คาดกำไรหลักของ BCP คาดจะเพิ่มขึ้นทั้งแบบเทียบรายปีหรือเทียบกับงวดไตรมาส 3/56 มีปัจจัยหนุนจากอัตราการใช้กำลังการกลั่นที่เพิ่มขึ้น ปริมาณขายผ่านช่องทางการตลาดสูงขึ้น ค่าการกลั่นปรับตัวเพิ่มขึ้น และกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น