มาแล้ว! "เจ้าสัวคีรี" คุยโขมง หุ้น BTS ทะลุ 10 บาท
มาแล้ว! "เจ้าสัวคีรี" คุยโขมง หุ้น BTS ทะลุ 10 บาท
"เจ้าสัวคีรี" คุยโขมง หุ้น BTS ทะลุ 10 บาท
8 เดือน “คีรี กาญจนพาสน์” ถอนเงินราว 350 ล้านบาท หาจังหวะช้อนหุ้น BTS ย้อนดูประวัติไม่ธรรมดาไล่ซื้อมาตั้งแต่ 0.52 บาท โบรกการันตีพื้นฐาน10บ.
“รู้ก่อนรวยกว่า” เอ่ยเช่นนี้คงไม่ผิด ผ่านมาเกือบ 3 ปี (ม.ค.2554-ส.ค.2556) “คีรี กาญจนพาสน์” หุ้นใหญ่ 33.04 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลข ณ วันที่ 21 ต.ค. 2556 บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS ยังคงไล่กวาดหุ้นตัวเองทุกครั้งที่ “สบจังหวะ”
จากการตรวจสอบของ “กรุงเทพธุรกิจ Biz Week” พบว่า ในปี 2554 “แม่ทัพใหญ่”สามารถซื้อหุ้น BTS บน “จุดต่ำสุด” 0.52 บาท ส่วนในปี 2555 ถูกสุด 0.71 บาท ผ่านมา 8 เดือนของปี 2556 เขาควักเงินซื้อหุ้นตัวเองแล้วกว่า 350 ล้านบาท “ราคาต่ำสุด” 7.11 บาท “จุดสูงสุด” 8.35 บาท
ปฏิบัติการณ์ช้อนหุ้นหลายปีที่ผ่านมา เริ่มส่อแวว “ความคุ้มค่า” หลังในวันที่ 10 ก.ย.2556 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI มีความเห็นสมควรสั่งไม่ฟ้อง “คีรี กาญจนพาสน์” และ “สุรพงษ์ เลาหะอัญญา” กรรมการผู้มีอำนาจ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ส่งผลให้บริษัทสามารถเดินหน้าขยายเส้นทางเดินรถไฟฟ้าได้อีก 30 ปี ตามสัญญาที่เคยมีก่อนหน้านี้
“ข่าวดี” ในครานั้น ทำให้เหล่าโบรกเกอร์เรียงหน้ากระดานออกมา “เชียร์” ทยอยสะสมหุ้น BTS ยกตัวอย่าง บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หากมองปัจจัยบวกระยะสั้นที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 4/56 ราคาเป้าหมายของหุ้น BTS คือ 12.30 บาท
ถามเรื่องราคาหุ้น BTS กับ “คีรี กาญจนพาสน์” ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร “บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ได้คำตอบว่า ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติสนใจหุ้นของเราเยอะมาก (ยิ้ม) ปัจจุบันมีต่างชาติถือหุ้น BTS เท่าไร (ทำท่าคิด) จำตัวเลขไม่ค่อยได้ แต่ไม่ขี้เหร่แน่นอน
ทุกครั้งที่ SET INDEX ปรับตัวลดลง คุณเชื่อมั้ย!!ราคาหุ้น BTS ไม่เคยทิ่มหัวลง (หัวเราะ) รู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร? เขาตั้งคำถาม ก่อนจะตอบเองว่า หุ้น BTS เป็น “หุ้นบลูชิพ” หรือหุ้นชั้นดีมีความเสี่ยงที่ค่อนข้างต่ำ เราไม่ใช่ “หุ้นปั่น” เห็นได้จากความคิดเห็นของเหล่านักวิเคราะห์หลายรายที่ให้ราคาเป้าหมายเราเกิน 10 บาท วันนี้ราคาหุ้น BTS ซื้อขายเฉลี่ยแค่ 8 บาท เท่ากับว่า วันนี้ “แฟนคลับ” ต้องรีบกระโดดขึ้นรถไฟฟ้าแล้ว เขาแอบเชียร์หุ้นตัวเอง
ถามว่า “ความสวย” ของ BTS อยู่ตรงไหน? เขาตอบว่า ล่าสุดเราได้จัดตั้งบริษัทย่อยคิทเ “แมน คิทเช่น” เพื่อทำธุรกิจร้านอาหารและเกี่ยวข้องกับอาหาร ปัจจุบันเปิดร้านอาหารจีน “เชฟแมน” (Chef man) แล้ว 2 แห่ง ณ โรงแรม อีสตินแกรนด์ สาทร และภายในโครงการธนาซิตี้ ซึ่งห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิเพียง 5 กิโลเมตร คาดว่าเร็วๆนี้จะขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 1-2 แห่ง อนาคตอยากดันบริษัทแห่งนี้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทัรพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
หากมอง “ความงาม” ในแง่ “ฐานะการเงิน” จะเห็นว่า เราเป็นบริษัทที่มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานมากถึง 34,000 ล้านบาท เงินก้อนนี้ส่วนใหญ่มีไว้ เพื่อใช้ลงทุนก่อสร้างโครงการพื้นฐาน หากรัฐบาลเปิดประมูลส่วนต่อขยาย เราต้องเตรียมพร้อมเรื่องการลงทุนตลอดเวลา มีเงินอยู่ที่ตัว ไม่ต้องเสียเวลาไปกู้เงินจากแบงก์ให้วุ่นวาย ไม่อยากมีอดีต ซ้ำรอย (หัวเราะ)
เขาไม่ลืมจะชื่นชมบริษัทตัวเองว่า เราเชี่ยวชาญเรื่องระบบขนส่งทางราง ที่ผ่านมาวางแผนลงทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระบบขนส่งทางรางประมาณ 120,000 ล้านบาท ฉะนั้นเราคงยื่นประมูลโครงการรถไฟฟ้า 4 สาย ทั้งในส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสีเขียว โครงการรถไฟฟ้าสีชมพู และโครงการรถไฟฟ้าไลต์เรลเส้นทางบางนา-สุวรรณภูมิ
พิจารณาจากขีดความสามารถของเราแล้วประมูล 4 สาย ถือว่าไม่ยาก แต่ถ้ามากกว่านี้เกรงว่าจะไม่ไหว เพราะบุคลากรมีไม่พอ “จุดตำนิ” ข้อนี้เรารู้ดี อะไรไม่ดีต้องยอมรับความจริง อีกอย่างหากร่วมประมูลทุกสายแล้วผลตอบแทนกลับมา “ไม่คุ้มค่า” เราคงไม่ทำ
ถามว่า ลำพังเงินสดจะเพียงพอต่อการลงทุนหรือ ไม่พอหรอก เขาสวน ที่เหลือเราจะนำเงินมาจากการการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ BTS-W3 อายุ 5 ปี ที่จะเริ่มแปลงสิทธิในปีที่ 4 หากไม่มีอะไรผิดพลาดคงได้รับเงินเข้าบริษัท 40,000 ล้านบาท เรายังมีเงินจากการแปลงสิทธิ BTS-W2 ซึ่งมีนักลงทุนใช้สิทธิไปแล้ว 91 เปอร์เซ็นต์ ส่วน 9 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ คงมีการแปลงสิทธิเร็วๆนี้
“คีรี” วิเคราะห์ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2557 (ก.ค.-ก.ย.2556) ให้ฟังว่า รายได้จากการเดินรถไฟฟ้า BTS คงเติบโตกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าสูงกว่าเป้าหมาย 2-3 เปอร์เซ็นต์ ส่วนฐานะการเงินในช่วงครึ่งปีหลังของงบการเงินปี 2557 (งบปีสิ้นสุดเดือน มี.ค.2557) รายได้จากการเดินรถไฟฟ้าน่าจะเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันเรามีจำนวนผู้โดยสารใช้บริการรถไฟฟ้าเกือบ 700,000 คนต่อวัน หลังกรุงเทพมหานคร (กทม.) ขยายเส้นทางส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเขียว “ตากสิน-บางหว้า” ทำให้มีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการมากขึ้น
เขา แอบกระซิบข่าวดีว่า การที่รายได้จากการเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสในช่วงไตรมาส 2/2557 เพิ่มสูงกว่าที่ระบุในหนังสือชี้ชวน การขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) ทำให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง ในฐานะผู้บริหารกองทุน “บีทีเอสโกรท” อาจพิจารณาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน BTSGIF เป็นครั้งที่ 2 เร็วๆ นี้ ล่าสุดผู้บริหารกองทุนฯ มีนโยบายจะจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุน BTSGIF ทุกๆ ไตรมาส
ไตรมาส 1/2557 กองทุนฯจ่ายเงินปันผลไปแล้ว 0.117 บาทต่อหน่วย ถามว่าไตรมาส 2/2557 จะจ่ายเท่าไร เชื่อว่าคงเป็นไปตามนโยบายของผู้บริหารกองทุน ซึ่งการันตีว่าจะจ่ายเงินปันผล 3 ปี แบ่งเป็นงวดปี 2556 ประมาณ 6,000 ล้านบาท ปี 2557 จ่าย 7,000 ล้านบาท และปี 2558 ประมาณ 8,000 ล้านบาท “กำไรสุทธิของเราเติบโตตามทิศทางของรายได้” ฉะนั้นคงไม่มีปัญหาอะไร ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ คณะกรรมการบริษัทคงประชุมรับรองผลการดำเนินงาน
“คีรี” ตอบคำถามเรื่องโกอินเตอร์ว่า ทุกประเทศกำลังตื่นตัวมากกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชน เราเองได้รับการติดต่อจากผู้ประกอบการต่างประเทศหลายราย เพื่อให้เข้าไปดำเนินการก่อสร้างและวางระบบ อาทิเช่น ประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นต้น เชื่อหรือไม่ว่า เราเป็นตัวละครสำคัญในการลงทุนแถบประเทศเพื่อนบ้าน แต่จะให้เราขนเงินลงทุนไปทั้งก้อนคงไม่ได้ ฉะนั้นคงจะใช้โมเดลเข้าไปรับจ้างบริหารแทน
ส่วนความคืบหน้าการเข้าไปบริหารเดินรถโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล เมืองจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากได้ลงนามตั้งกิจการร่วมค้า (คอนซอร์เตียม) เพื่อเป็นที่ปรึกษาโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกในอินโดนีเซีย มุ่งเน้นที่จะเป็นผู้บริหารเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) โดยไม่ต้องการเข้าไปลงทุนโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรล เพราะใช้เงินลงทุนสูงนั้น หากเราจะลงทุนจริงๆคงใช้เงินในสัดส่วนน้อยแค่ 5-10 เปอร์เซ็นต์
โครงการนี้คงใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยบริษัท พีที จาการ์ตา โมโนเรล จำกัด ในฐานะผู้ได้รับสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าโมโนเรลสายแรกที่อินโดนีเซีย 2 เส้นทาง ระยะทาง 14.3 และ 14.7 กิโลเมตร รวมระยะทางทั้งสิ้น 29.8 กิโลเมตร โดยมีอายุสัมปทาน 40 ปี จะเป็นผู้ลงทุนงานก่อสร้าง และวางระบบโครงการทั้งหมด คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2559
“จะให้เราเข้าไปขอสัมปทานและลงทุนเหมือนในเมืองไทยคงไม่ได้ เพราะคุยกันคนละภาษา และเป็นไปไม่ได้ที่ BTS จะหอบเงินลงทุน 30,000 ล้านบาท ไปลงทุนในอินโดนีเซีย ถ้าผมเอาเงินไปลงทุนขนาดนั้นหุ้น BTS ดิ่งแน่ๆ”
เจ้าของ BTS กล่าวยืนยันในคำพูดตัวเองอีกครั้งว่า สิ่งที่การันตีไปทั้งหมด ผมรับรองเรา “ทำได้ดีและทำได้จริง”
สองโบรกเกอร์ “เชียร์ซื้อ”
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดว่า BTS จะได้รับประโยชน์จากรถไฟฟ้าใหม่ 5 ขบวน ซึ่งจะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันในช่วงเร่งด่วน (rush hour) ผู้โดยสารอาจต้องรอการมาถึงของขบวนที่ 2 หรือ 3 จึงจะขึ้นได้ เพราะความหนาแน่นสูงมาก
ฉะนั้นแนะนำ “ซื้อ” เช่นเดิม ราคาพื้นฐาน 9.83 บาท แต่หากในอนาคตได้งานบริหารเดินรถทั้ง 4 สาย คาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นอีก 3.79 บาทต่อหุ้น แต่เรายังไม่นำเรื่องนี้มารวมในประมาณการ ส่วนราคาหุ้น BTSGIF ปัจจุบันราคายืนเพียง 9.85 บาท ต่ำกว่าราคา IPO ที่ 10.80 บาท ประมาณ 9 เปอร์เซ็ฯต์
ฟาก บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง บอกว่า หลังบริษัทเดินสายนำเสนอข้อมูลในประเทศฮ่องกงและสิงคโปร์ กองทุนชอบหุ้น BTS ค่อนข้างมาก เพราะแนวโน้มของ “กำไรสุทธิ” อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แถมอาจมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ฉะนั้นแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายพื้นฐาน 10 บาท
เรายังคงให้หุ้น BTS เป็น “Top pick” ในกลุ่มขนส่ง เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีข้างหน้าสูงถึงปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในแง่ของ “กำไรสุทธิ” อาจเข้าสู่ทิศทางเติบโตตั้งแต่ในปี 2559 จากการรับรู้รายได้งานเดินรถไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซีย และเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายใหม่ภายในประเทศ
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น