วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เทรดเดอร์เต็มเวลา

เตรียมพร้อมก่อนเป็นเทรดเดอร์

หลายคนคิดว่าการเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลานั้นสบาย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ในเรื่องของแรงกดดันกับความไม่แน่นอนของตลาดรวมถึงความรับผิดชอบและการบริหารชีวิตให้สมดุลอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากต้องรักษาสภาวะทางจิตใจให้เตรียมพร้อมกับการเทรดอยู่เสมอ และต้องเรียนรู้และพัฒนาตนเองแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รวมถึงต้องทำกำไรได้สม่ำเสมอและมีเงินทุนสำรองยามฉุกเฉิน เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเทรด ในกรณีที่เงินทุนยังไม่มากพอการหารายได้เสริมจากทางอื่นก็จะช่วยแบ่งเบาภาระในการดำรงชีวิตได้

คำนวณเงินทุนที่ต้องใช้

การเป็นเทรดเดอร์อาชีพอย่างน้อยผลตอบแทนต่อปีขั้นต่ำควรชนะอัตราดอกเบี้ยได้และมากกว่าพวกตราสารหนี้รัฐบาลที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะถ้าชนะไม่ได้เอาเงินไปฝากหรือซื้อตราสารหนี้จะดีกว่า โดยผมเอาค่าเฉลี่ยที่ไม่ถือว่ามากเกินไปและค่อนข้างเป็นไปได้เมื่อเทียบกับเทรดเดอร์อาชีพทั่วไป โดยคำนวณผลตอบแทนขั้นต่ำในการเทรดอยู่ที่ 10% ต่อปีโดยเฉลี่ย สำหรับการเทรดเต็มเวลา พอได้ตัวเลขนี้แล้วเราก็มาดูภาระค่าใช้จ่ายต่อเดือน เช่น เฉลี่ยเราใช้จ่ายอยู่ที่ 30,000 บาทต่อเดือน คิดเป็น 360,000 บาท ต่อปี อย่างน้อยรายได้จากการเทรดควรจะมากกว่ารายจ่ายเท่าตัวเพราะในชีวิตจริงมักมีรายจ่ายที่เราไม่ได้คาดการณ์ไว้เสมอ เช่น ค่ารักษาพยาบาล, ค่าซ่อมแซมบ้าน เป็นต้น และเพื่อที่จะได้นำรายได้จากการเทรดส่วนที่เหลือไปทบพอร์ตเพื่อผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี นั่นหมายถึงเราควรมีรายได้จากการเทรดอย่างน้อย 720,000 บาทต่อปี ฉะนั้นเราควรมีเงินต้นประมาณ 7.2 ล้านบาทเป็นทุนในการเทรด ถึงจะได้ผลตอบแทน 10% ต่อปีตามที่คาดไว้ แต่ถ้าเรามีรายได้ทางอื่นที่แน่นอนอยู่แล้ว เป็นรายได้เสริมเช่น มีเงินจากค่าเช่าเดือนละ 15,000 บาท เราก็อาจจะใช้ทุนแค่ครึ่งเดียวในการเทรด และเราควรมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้ใช้อย่างน้อย 3-6 เดือนเป็นอย่างต่ำด้วย แต่เราสามารถเก็บเงินน้อยกว่านี้ลงได้ถ้าเรามีสถิติการเทรดที่ดีมาก ๆ อย่างน้อยสักพันเทรด เพราะนั่นช่วยบอกว่าเราสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการเทรดได้สม่ำเสมอทุกเดือนหรือไม่

ตั้งเป้าหมาย

พอเราได้ตัวเลขผลตอบแทนที่คาดหวังต่อปีแล้วเราก็ตั้งเป้าหมายหาทุนเพื่อเทรด โดยอาจจะวางแผนเก็บออมระยะยาวและหารายได้จากทางอื่นไปด้วย ซึ่งผมวางแผนเก็บเงินล่วงหน้าไว้ประมาณสิบปี กว่าจะเริ่มมีทุนเพียงพอสำหรับการเทรด แต่ในระหว่างทางก็ศึกษาและลองฝึกเทรดจริงไปด้วย ช่วงเก็บเงินจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด โดยเฉพาะการเก็บเงินล้านแรกแต่ถ้าเราวางแผนการเงินที่ดี และหารายได้จากหลายทางก็ช่วยย่นระยะเวลาตรงนี้ได้แต่การเก็บเงินอาจจะไม่ต้องถึงตามเป้าก็ได้ ถ้าเราสามารถเทรดจนสามารถเรียกได้ว่าอยู่รอดในตลาดได้แบบยั่งยืนโดยเราต้องจดสถิติของเราเองไว้เสมอ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราสามารถทำเงินได้เดือนละกี่เปอร์เซ็นโดยเฉลี่ย บางคนสามารถทำเงินได้สม่ำเสมอเดือนละ 3% ต่อเดือนมาเป็นเวลาหลายปีแบบนี้ก็อาจจะใช้เงินน้อยลงและเข้าสู่สนามเทรดเต็มเวลาได้ โดยอาจจะใช้มาร์จิ้นช่วยบางส่วน

วางแผนสำรองไว้เสมอ

ควรวางแผนกรณีทุกอย่างเลวร้ายที่สุดไว้เสมอ และเตรียมการรับมือไว้สักสองสามแผน เช่น กรณีเราขาดทุนจนเงินหมดเราจะทำอะไรต่อหรือมีอาชีพอะไรรองรับหรือไม่ แผนนี้อาจจะไม่ได้ถูกใช้ แต่อย่างน้อยเราก็ควรวางแผนให้รัดกุมเมื่อเกิดเวลานั้นขึ้นมาจริง ๆ เราจะได้รับมือได้อย่างไม่ตื่นตระหนัก การวางแผนสำรองให้เป็นนิสัย ช่วยทำให้เรารับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้ในทุกโอกาส เพราะในโลกนี้ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อย่างน้อยเราก็ควรเตรียมใจสำหรับเรื่องที่ไม่คาดฝันไว้ด้วย

เมื่อออกมาลุย

สิ่งที่เราคิดกับเหตุการณ์จริงมักไม่ตรงกันเสมอ เมื่อใดที่เราพบอุปสรรคและความอยากลำบากอย่างใหญ่หลวงจนเหมือนจะหาทางแก้ไม่ได้ ให้เรามีความเชื่อมั่นและศรัทธาในแนวทางที่เราก้าวเดิน และแก้ปัญหาอย่างมีสติ ไม่มีปัญหาอะไรยากเกินจิตใจของเราเอง สิ่งที่จะพยุงให้เทรดเดอร์เต็มเวลาอยู่รอดนั้น จิตใจที่มั่นคงและมุ่งมั่นสำคัญมาก มีเทรดเดอร์ระดับโลกหลายคนที่ล้มเหลวผิดพลาดนับครั้งไม่ถ้วนแต่เค้าก็สามารถยืนหยัดจนกลับมาเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้ในที่สุด “จงอย่างยอมแพ้”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น