วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

THCOM สูงขึ้นแต่ไม่หนาว

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: THCOM สูงขึ้นแต่ไม่หนาว

รายงานพิเศษ วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
ผลประกอบการงวดสิ้นปี 2556 ของผู้ให้บริการดาวเทียมสื่อสารเพื่อการพาณิชย์รายเดียวของไทย บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ไม่ได้ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เมื่อตัวเลขกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 548% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 174 ล้านบาท พร้อมกับการจ่ายเงินปันผลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท พร้อมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 เมษายน 2557

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก สะท้อนถึงฝีมือการบริหารที่ชัดเจน เพราะหากพิจารณาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นไม่มาก โดยรายได้รวมของ THCOM อยู่ที่ 8,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 9.5% เท่านั้น

รายได้ที่เพิ่มขึ้น มาจากธุรกิจดาวเทียมทำรายได้หลักให้บริษัทสูงถึง 88% โดยมีรายได้จากธุรกิจบริการดาวเทียมและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อยู่ที่ 6,964 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมแก่ลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการเสริมต่างๆ และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการไอพีสตาร์ตามปริมาณการใช้งานช่องสัญญาณหรือแบนด์วิธที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจให้บริการระบบโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตในประเทศลาวอยู่ที่ 837 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับปี 2555 ที่บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 729 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งระบบ Prepaid และ Postpaid, รายได้ค่าบริการเชื่อมต่อโครงข่าย, รายได้จากการให้บริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ และการให้บริการโทรข้ามแดนอัตโนมัติ, รายได้จากการขายซิมการ์ด และเครื่องโทรศัพท์ไร้สาย และรายได้จากการให้บริการอินเตอร์เน็ต

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมในต่างประเทศ ได้ช่วยสนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตและแข็งแกร่งในฐานะผู้ให้บริการดาวเทียมของไทย และทำให้บริษัทสามารถขับเคลื่อนธุรกิจในประเทศให้เติบโตและรุกสู่ตลาดต่างประเทศได้

ความน่าสนใจอีกประการหนึ่งที่ถือว่าโดดเด่นอยู่ที่กำไรที่เกิดขึ้น มาจากการดำเนินงานปกติทั้งสิ้น แทบจะไม่มีกำไรพิเศษแต่อย่างใด และมีโอกาสมากที่สุดที่จะได้รับการคัดเลือกรายชื่อสำหรับดัชนี SET50 ด้วย

ตัวเลขผลการดำเนินงานดังกล่าว สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในระยะหลายปีนี้เลยทีเดียว

ความแข็งแกร่งทางการเงินดังกล่าว เท่ากับบริษัทสามารถสลัดฝันร้ายในอดีต ที่เคยมีตัวเลขขาดทุนต่อเนื่อง เพราะมีจุดอ่อนในเรื่องของการตลาด และขาดจุดโฟกัสที่ดี เนื่องจากทำหลายธุรกิจที่ยุ่งยากในการบริหารจัดการ เนื่องจากธุรกิจเป็นธุรกิจข้ามพรมแดนที่มีความซับซ้อนมากกว่าปกติ จนทำให้ THCOM ต้องเผชิญกับปัญหาตัวเลขผลประกอบการที่อืดอาดและถ่วงรั้งความสามารถของธุรกิจที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี

นอกจากนั้น ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้สะท้อนให้เห็นผลลัพธ์ของการปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจใหม่ ภายใต้การบริหารของผู้นำมืออาชีพอย่างนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ที่เน้นการลดความหลากหลายของธุรกิจเหลือน้อยที่สุด เพื่อปรับโฟกัสของธุรกิจเหลือเพียงเรื่องเดียว นั่นคือรุกตลาดธุรกิจดาวเทียมเชิงพาณิชย์เพียงอย่างเดียว ด้วยการเร่งศักยภาพทางการตลาดและการขายให้เหนือกว่าจุดคุ้มทุน ซึ่งทำได้อย่างดี จนกระทั่งจากบริษัทที่อ่อนแอกลายเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งภายใน 3 ปี

แก้ปัญหาหลายเปลาะพร้อมกัน กระทำโดยใช้กลยุทธ์อย่างบูรณาการของนางศุภจี เพื่อบรรลุเป้าหมายหลักคือ ล้างขาดทุนสะสมภายใน 3 ปี ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง

ยุทธศาสตร์ธุรกิจดังกล่าว เริ่มต้นตั้งแต่ให้ธุรกิจเดิมเพิ่มศักยภาพในการทำรายได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในส่วนของดาวเทียม ไอพีสตาร์ ซึ่งเคยมีปริมาณการใช้ช่องสัญญาณ (แบนด์วิธ) เมื่อสิ้นปี 2555 อยู่ที่ 25-26% ขึ้นมาอยู่ที่ 59% ในสิ้นปี 2556

ความสำเร็จของการเพิ่มความสามารถใช้ช่องสัญญาณไอพีสตาร์ เกิดจากการตลาดที่กล้าผ่าทางตัน ด้วยการขายแบบเทกระจาดให้กับพันธมิตรธุรกิจบริษัท วาสซัคเซส โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด (Vast) โดยวิศวกรรมการเงินที่ซับซ้อนคือ ไม่ได้ใช้เงินสด แต่ได้ใบหุ้นมาแทน ซึ่งทำให้การใช้งานช่องสัญญาณไอพีสตาร์อยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าจุดคุ้มทุนของโครงการไอพีสตาร์ไปมาก ทำให้รับรู้ส่วนของกำไรจากการดำเนินงานในจีนที่ยาวนาน ซึ่งดีกว่าการขายปกติที่รับรู้รายได้ค่อนข้างช้า

แม้จะประสบความสำเร็จอย่างดีในปี 2556 แต่ยังไม่ได้ทำให้ผู้บริหารหยุดยั้งหรือหลงใหลได้ปลื้มกับความสำเร็จ เพราะ ในวันที่ 6 ม.ค. 2557 ที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งดาวเทียมที่รอคอยกันมานานหลายปีคือ ไทยคม 6 ซึ่งเป็นดาวเทียมขนาดกลางรุ่น Star 2.3 มีน้ำหนัก 300 กิโลกรัม มีจำนวนช่องสัญญาณทั้งสิ้น 33 ทรานสพอนเดอร์ โดยแบ่งเป็นช่องสัญญาณซี-แบนด์ จำนวน 24 ทรานสพอนเดอร์ และช่องสัญญาณเคยู-แบนด์ จำนวน 9 ทรานสพอนเดอร์ ขึ้นสู่อวกาศ ณ แหลมคานาเวอรัล รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยจะโคจรที่ตำแหน่ง 78.5 องศาตะวันออก และเริ่มให้บริการด้านบรอดคาสต์อย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2557 หลังดำเนินการทดสอบคุณภาพสัญญาณเสร็จสมบูรณ์ และส่งมอบดาวเทียมไทยคม 6 ให้เป็นทรัพย์สินของกระทรวงไอซีที

การส่งดาวเทียมไทยคม 6 การขึ้นสู่วงโคจรดังกล่าว จะช่วยรองรับการเปิดปรากฏการณ์ใหม่ของโลกดิจิตอล ในการรับชมสัญญาณภาพ และเสียงทั้งในระบบ SD และ HD ที่คมชัดมากยิ่งขึ้น และยังเป็นดาวเทียมที่ทำให้ไทยคมสามารถให้บริการครอบคลุมเอเชียแปซิฟิก รวมถึงแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่บริษัทมุ่งขยายการให้บริการต่อเนื่องอย่างครบวงจรนับจากปี 2557เป็นต้นไป ถือเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งในการตอกย้ำความเป็นดาวเทียม Hotbird เพื่อบรอดคาสต์

ดาวเทียมไทยคม 6 ถือเป็นดาวเทียมสำรองไทยคม 5 ตามสัญญาที่ต้องมีดาวเทียมสำรอง เพื่อป้องกันปัญหา “ดาวเทียมขาดช่วง” เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

ข้อเด่นของไทยคม 6 ที่พิเศษสุดคือ บริษัทได้รับการยืนยันล่วงหน้าในการให้บริการแก่ลูกค้าไทยเป็นหลัก ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 60% ของช่องสัญญาณทั้งหมดบนดาวเทียมไทยคม 6

ทันทีที่ทราบข่าวนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนัก ระบุทันทีโดยไม่ได้นัดหมายว่า ผลของการยิงดาวเทียม ไทยคม 6 จะทำให้ ผลการดำเนินงานหลักของ THCOM ยังคงแข็งแกร่งในปี 2557 โดยปัจจัยผลักดันรายได้ยังคงมาจากยอดขายแบนด์วิธเพิ่มขึ้นทั้งจาก iPSTAR, ไทยคม 6 และ operating leverage effect โดยตั้งเป้าหมายราคาที่ 48 บาทต่อหุ้น

นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนจัดส่งดาวเทียมไทยคม 7 ขึ้นสู่วงโคจรภายในปีนี้ รวมถึงการเพิ่มยอดขายช่องสัญญาณในตลาดแอฟริกาจากช่องสัญญาณของดาวเทียมไทยคม 6 ที่ได้นำขึ้นสู่วงโคจร

การเปิดเกมรุกเช่นนี้ ยังวางเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์เพิ่มเติมอีกเช่น การให้ บริษัทไอพีสตาร์ ออสเตรเลีย พีทีวาย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ THCOM ให้บริการไอพีสตาร์ในประเทศออสเตรเลีย เข้าถือหุ้น 100% มูลค่า 13.37 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในบริษัท โอไรอ้อน แซทเทลไลท์ ซิสเทม พีทีวาย จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายการลงทุนเพิ่มสนองตอบกลยุทธ์ของทางบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจในแกนตั้ง จากปกติที่กลยุทธ์ของบริษัทเป็นการขยายธุรกิจแกนนอน ด้วยการเพิ่มจำนวนดาวเทียมเพื่อขายช่องสัญญาณดาวเทียม (แบนด์วิธ)

การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวจึงถือเป็นการต่อยอดธุรกิจจากปัจจุบันที่ในออสเตรเลียบริษัทเป็นผู้ให้เช่าแบนด์วิธอย่างเดียวเท่านั้น ถือเป็นการปรับสมดุลของกลยุทธ์มากกว่าผลกำไรที่บริษัทจะได้รับ โดยจะเป็นการต่อยอดธุรกิจ และเราเรียนรู้จากเขา เพื่อนำไปใช้ในประเทศอื่นๆ ส่งผลให้ THCOM ทำธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น เป็นปัจจัยบวกในระยะยาว

ไม่เพียงเท่านั้น ในปีนี้ จะมีการส่งดาวเทียม THCOM 7 (มียอดจองแล้วราว 40%) ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่เพื่อขึ้นสู้วงโคจร โดยที่การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่วางไว้ซึ่งปัจจุบันเสร็จไปแล้วกว่า 70% และคาดว่าสามารถปล่อยสู่วงโคจรได้ภายในครึ่งปีแรกของปีนี้ ในขณะที่ THCOM 8 ยังอยู่ระหว่างการศึกษา

ย่างก้าวที่มั่นคงในปี 2557 นี้ ถูกนักวิเคราะห์หลายสำนัก ประเมินว่า THCOM ในปีนี้ มีราคาเป้าหมายที่ 44 บาท ซึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะราคาหุ้นของบริษัท ได้รับความนิยมจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก

ปมประเด็นความเสี่ยงที่เหลือค้างไว้ของ THCOM อยู่ที่ว่า บนความสำเร็จที่รวดเร็วเกินคาดนี้ บริษัทจะสามารถรักษาผู้บริหารอย่างนางศุภจีเอาไว้ได้นานแค่ไหนด้วย เพราะเธอเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้เมื่อรับตำแหน่งใหม่เมื่อ 3 ปีก่อนมีหลักการทำงานใน THCOM คือ “บริษัทต้องแข็งแรง ต้องมีภาพใหม่ไม่ติดกับภาพธุรกิจของพรรคการเมืองไหน ทำให้เป็นบริษัทของคนไทย ซึ่งถ้าสำเร็จก็คิดว่าคงไม่มีอะไรต้องทำอีก”

ปีนี้ เราคงได้รู้กันว่า จะเป็นจริงหรือไม่

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น