วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ทองคำกับการผิดนัดชำระหนี้ของยูเครน

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ทองคำกับการผิดนัดชำระหนี้ของยูเครน

ต่างประเทศ วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 6 คน
ทองคำอาจจะปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สี่ ความวิตกเกี่ยวกับความไม่สงบทางการเมืองอันยืดเยื้อในยูเครน ทำให้เกิดความกลัวว่ารัฐบาลยูเครนจะผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งทำให้เกิดดีมานด์สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำแท่ง

ข้อตกลงสันติภาพที่ประสบความสำเร็จของยูเครนได้ยับยั้งความรุนแรงที่เปลี่ยนใจกลางเมืองหลวงของยูเครนให้กลายเป็นแดนสงครามและมีผู้เสียชีวิต 82 คน และมันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เป็นไปตามความต้องการของฝ้ายค้านที่สนับสนุนยุโรป อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่า อนาคตเศรษฐกิจและการเมืองของยูเครนยังไม่ชัดเจนมาก

“ความไม่แน่นอนทางการเมืองได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งรวมถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำหนดไว้ในวันที่ 25 พฤษภาคม ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้ยูเครนมีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะต้องผิดนัดชำระหนี้” อลาสแตร์ นิวตัน นักวิเคราะห์การเมืองอาวุโสของโนมูระ อินเตอร์เนชันแนล กล่าว

ในรายงานวิจัยที่ตีพิมพ์เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เจนส์ นอร์ดวิก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนในกลุ่มจี 10 ของโนมูระให้เหตุผลว่า มีความเป็นไปได้ 29% ที่ยูเครนจะผิดนัดชำระหนี้ภายใน 1 ปี และค่าเงินของยูเครนได้อ่อนตัวลงเกือบ 8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้

เดวิด โคต็อก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของคัมเบอร์แลนด์ แอดไวเซอร์ กล่าวว่า ในขณะนี้ตลาดจะโฟกัสไปที่ความเป็นไปได้ที่ความเสี่ยงจะลุกลามไปยังตลาดยุโรปที่มีการลงทุนในยูเครน “ความเกี่ยวข้องของการลงทุนในยุโรปตอนกลางและยุโรปตะวันออกกำลังมีความเสี่ยงเนื่องจากหลายๆ เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย ความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างที่มีความซับซ้อนทั้งหมดระหว่างยุโรปเก่าและรัสเซีย กำลังมีบทบาทอีกครั้ง”

แลนด์สเคปที่ค่อยๆ พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในยูเครน สะท้อนถึงความตึงเครียดทางการเมืองในที่อื่นๆ ในโลกเกิดใหม่ เช่น เวเนซุเอลา และอาร์เจนตินา ซึ่งความเสี่ยงปลายแถวนี้อาจช่วยหนุนทองคำได้

สก็อตต์ คาร์เตอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเลียร์ แคปิตอล กล่าวว่า เนื่องจากมีความวิตกในนานาประเทศมากขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน จึงอาจมีการเคลื่อนไหวเพิ่มเติมส่วนหนึ่งเข้าสู่ทองคำเมื่อมีการคาดการณ์ว่าจะเกิดความไม่สงบและมีการปะทุอารมณ์ต่อไป

มิเกล เปเรซ-ซานตาลลา รองประธานบัลเลียนวอลต์ ซึ่งเป็นตลาดโลหะมีค่าออนไลน์ กล่าวว่า สิ่งที่จะมาเพิ่มเสน่ห์ทองคำ คือ ความวิตกที่ว่าข้อมูลที่จะมีการเปิดเผยในสหรัฐฯในสัปดาห์นี้อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติยับยั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

เอ็ดมันด์ มอย หัวหน้านักกลยุทธ์ของมอร์แกน โกลด์ กล่าวว่า หลักฐานเพิ่มเติมที่ชี้ว่า เศรษฐกิจจีนหดตัวอย่างรุนแรงก็อาจจะเป็นแรงหนุนทองคำอีกแรงหนึ่ง ดัชนีวัดภาคการผลิตของจีนซึ่งลดลงต่ำสุดในรอบ 7 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กับความซบเซาอย่างไม่คาดคิดในตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ และสถานการณ์ที่ไร้เสถียรภาพในยูเครนได้เพิ่มความรุ่งโรจน์ให้กับสถานะของทองคำซึ่งเป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยให้แก่นักลงทุนจำนวนมาก

เกือบสองในสามของนักลงทุน 16 คนที่ซีเอ็นบีซีสำรวจมา มี 63% บอกว่า ทองจะปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ และหนึ่งในสี่ยืนกรานว่าทองคำปรับฐานลง ในขณะที่ 12% กล่าวว่า ราคาทองจะไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนผลการสำรวจของไอจี มาร์เก็ตส์ก็พบว่า ลูกค้า 71% ของจำนวนกว่า 501 คน ที่เปิดโพสิชั่นไว้ คาดว่าราคาทองจะสูงขึ้น

มีสัญญาณที่แสดงถึงความเชื่อมั่นมากขึ้นคือ กองทุนบริหารความเสี่ยงได้เข้าไปลงทุนในทองคำและน้ำมันดิบเมื่อราคาดีดตัวขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยข้อมูลเมื่อวันศุกร์ชี้ว่า นักเก็งกำไรโภคภัณฑ์ได้เข้าไปวางเดิมพันในทองคำและน้ำมันดิบสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2554 โดยมีการลงทุนทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 2,900 ล้านดอลลาร์ หรือ 21% ของเงิน 13,500 ดอลลาร์ที่มีการเข้าไปซื้อล่วงหน้า และความสนใจที่มีต่อทองคำในสหรัฐฯก็เพิ่มขึ้นเกือบ 17%

อย่างไรก็ดี บรรดามืออาชีพในตลาดที่มีความเชื่อว่าทองจะซบเซา ยังคงยืนกรานว่าการซื้อทองเพราะมีความปลอดภัยและการซื้อทองรูปพรรณที่เกิดขึ้นมาใหม่ในเอเชียจะเป็นแรงผลักที่จำกัดต่อราคาทองคำ และจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะชดเชยกับเงินทุนที่ไหลออกจากกองทุนอีทีเอฟทองคำ

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเงินไหลออกจาก SPDR Gold Shares ซึ่งเป็นอีทีเอฟทองคำใหญ่สุดของโลกเป็นสัปดาห์แรกในรอบเกือบ 1 เดือน หรือราว 5.6 ตัน

โดมินิค ชไนเดอร์ และ จิโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์ของยูบีเอส เชื่อว่า น่าจะเริ่มมีเงินไหลออกจากกองทุนอีทีเอฟทองคำ และโฟกัสยังคงอยู่ที่ดีมานด์ของเอเชียในฐานะที่เป็นฟองน้ำดูดซับแรงเทขายอีทีเอฟเพิ่มในปี 2557 แม้พวกเขาจะเชื่อว่าเอเชียมีความชอบและสามารถเพิ่มแรงซื้อได้ แต่ราคาทองก็น่าจะลดลงอีกรอบเพื่อสร้างสมดุลให้กับตลาดซึ่งราคาทองจะอยู่ในช่วง 1,050-1,150 ดอลลาร์ต่อออนซ์

มาร์ก โอเบิร์น ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัทโกลด์คอร์ ดีลเลอร์ทองคำในดับลิน กล่าวว่า ทองมีความเปราะบางหลังจากที่ปรับตัวขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทองแตะ 1,332.10 ดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม เนื่องจากมีดีมานด์เพิ่มขึ้นหลังจากที่มันดีดตัวกว่า 4% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม โอเบิร์นกล่าวว่า ความวิตกเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังสร้างเสน่ห์ในฐานะที่เป็นที่หลบภัยที่มีความปลอดภัยให้กับทองคำอย่างแข็งแกร่ง และในทางเทคนิคชี้ว่า หลังจากที่มันถอยกลับลงมา ทองคำอาจจะยังคงปรับตัวขึ้นในรูปเงินดอลลาร์และสกุลเงินอื่นๆ

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น