ถอนออมสินอีก 2.4หมื่นล้านบ. ฟิทช์ฯยังมั่นใจ

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ถอนออมสินอีก
2.4หมื่นล้านบ.
ฟิทช์ฯยังมั่นใจ
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 8 คน
แบงก์ออมสิน ถูกถอนเงินวันที่ 3 อีก 2.4 หมื่นล้านบาท และมีเงินฝากเข้า 1.2 หมื่นล้านบาท รวม 3 วันถูกถอนเงิน 9.4 หมื่นล้าน และฝากเข้า 3.6 หมื่นล้าน ด้านฟิทช์ เรทติ้งส์ มองธนาคารออมสินมั่นคง แม้มีเงินไหลออกมาก แต่รัฐบาลเป็นประกัน



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ มีลูกค้าของธนาคารออมสินมาถอนเงินอีกกว่า 24,000 ล้านบาท และมีเงินฝากเข้าจำนวน 12,000 ล้านบาท ส่งผลให้ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีการถอนเงินออกจากธนาคารไปแล้วกว่า 94,000 ล้านบาท และมีเงินฝากเข้า 36,000 ล้านบาท นั่นเท่ากับว่า มีเงินไหลออกสุทธิ 58,000 ล้านบาท

ด้าน ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุ จากเหตุการณ์ที่ผู้ฝากเงินได้ถอนเงินฝากกับธนาคารออมสินแสดงให้เห็นว่าปัญหา ทางการเมืองอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อระบบธนาคารและการเงินของประเทศไทย ทั้งนี้ ฟิทช์เคยกล่าวไว้ว่าความไม่สงบทางการเมืองได้ส่งผลให้มีความเป็นไปได้มาก ขึ้นที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ และจะส่งผลต่อเนื่องให้ความเสี่ยงของธนาคารไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น

สำหรับ ปริมาณการถอนเงินฝากออกจากธนาคารออมสินน่าจะยังคงอยู่ในระดับที่จัดการได้ใน ขณะนี้ โดยธนาคารรายงานว่าเงินฝากที่ไหลออกสุทธิเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์มีจำนวนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ธนาคารมีฐานเงินฝากรวมอยู่ที่ 1.724 ล้านล้านบาท (ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2556 ) การถอนเงินฝากดังกล่าวเป็นผลมาจากความกังขาของประชาชนหลังจากที่ธนาคาร ออมสินได้มีการอนุมัติวงเงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และน่าจะเป็นสาเหตุจากปัจจัยทางการเมือง มากกว่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงจากสถานะทางการเงิน อย่างไรก็ตามธนาคารออมสินได้ประกาศว่าจะยกเลิกวงเงินดังกล่าวแล้ว

ฟิทช์ มองว่าด้วยสภาพคล่องของธนาคารออมสินและการสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐผ่าน ธนาคารกลาง (ธนาคารแห่งประเทศไทย) หรือองค์กรรัฐอื่น น่าจะช่วยให้ธนาคารออมสินสามารถเผชิญกับความเสี่ยงในด้านสภาพคล่องได้ในระยะ สั้น

นอก จากนี้ การถอนเงินฝากเพิ่มขึ้นจากธนาคารรัฐแห่งอื่น แม้อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่สำคัญที่จะส่งผลให้ธนาคารรัฐมีภาระที่จะ ต้องกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารมากขึ้น และอาจรวมไปถึงการกู้ยืมเงินจากธนาคารกลาง ณ ขณะนี้ ฟิทช์เชื่อว่าในระยะสั้นภาครัฐน่าจะสามารถป้องกันและบริหารจัดการความท้าทาย ในด้านสภาพคล่องของธนาคารรัฐได้ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงของระบบธนาคารและการเงินยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากยังคงไม่มีความชัดเจนว่าปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองจะสิ้นสุดลง เมื่อไร อีกทั้งการหาแหล่งเงินทุนเพื่อสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลก็ ยังคงมีความไม่แน่นอน

ทั้ง ธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. เป็นธนาคารที่จัดตั้งขึ้นโดยมีพระราชบัญญัติเฉพาะรองรับ และน่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในระดับที่สูง ธนาคารออมสินและ ธ.ก.ส. มีส่วนแบ่งทางการตลาดในด้านขนาดสินทรัพย์ที่ 10.6% และ 6.1% ของระบบธนาคารตามลำดับ (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556) และความมั่นคงทางการเงินของธนาคารทั้งสองแห่งมีความสำคัญต่อความมั่นใจโดย รวมต่อระบบธนาคารและการเงินของประเทศไทย

นาย บุญสน เจนชัยมหกุล รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เผยว่า จากกรณีที่ลูกค้าของธนาคารออมสินได้เบิกถอนเงินฝากในปริมาณที่ไม่ปกติในช่วง 2 วันที่ผ่านมา (วันที่ 17–18 กุมภาพันธ์ 2557) ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากเหตุการณ์ต่างๆ นั้น ผู้บริหารตลอดจนพนักงานธนาคารออมสินตระหนักต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงกราบขอโทษลูกค้าทุกท่าน

อย่าง ไรก็ตาม นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้คำนึงถึงความรู้สึกของลูกค้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้แสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งและแสดงความรับผิดชอบ จึงได้ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เพื่อให้ธนาคารออมสินสามารถทำหน้าที่สถาบันเพื่อการออมได้อย่างปราศจากความ เคลือบแคลงใจจากลูกค้าอย่างสิ้นเชิง

นาย ลิขิต กลิ่นถนอม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมสหภาพฯ มีมติ 3 ข้อ เตรียมส่งหนังสือเสนอคณะกรรมการบอร์ด ได้แก่ 1. ขอให้บอร์ดทุกคนออกมาขอโทษลูกค้า ที่ทำให้เกิดวิกฤติครั้งนี้ 2.ห้ามนำธนาคารเข้าไปยุ่งเกี่ยวทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม และ 3.ธนาคารต้องหลีกเลี่ยงและละเว้นการทำกิจกรรมทางการเมือง คาดว่าในการประชุมบอร์ดวันพรุ่งนี้ บอร์ดจะนำหนังสือที่สหภาพฯ ยื่นวันนี้ ไปพิจารณาและน่าจะมีการแสดงท่าทีอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา เพื่อกู้สถานการณ์วิกฤติศรัทธาลูกค้าและหยุดเงินไหลออกอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับจะมีการพิจารณาแต่งตั้งรักษาผู้อำนวยการธนาคาร

เหตุการณ์ขณะนี้ ถือเป็นวิกฤติทางการเงินของออมสินในรอบ 100 ปี มีเงินไหลออกหลายหมื่นล้านบาทต่อวัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากยอดถอนเงินทะลุ 1 แสนล้านบาท น่าเป็นห่วงที่จะเกิดวิกฤติสภาพคล่อง

ดัง นั้น บอร์ดจะต้องเรียกความเชื่อมั่นและศรัทธาจากลูกค้าให้กลับมาให้เร็วที่สุด หากเงินยังไม่หยุดไหลออก หรือบอร์ดยังอนุมัติการกู้เงินในลักษณะไม่โปร่งใส ทางสหภาพฯจะยกระดับการเรียกร้อง จากคัดค้านและขัดขวาง เป็นการขับไล่บอร์ดต่อไป และขั้นรุนแรงสุด คือ รวมพลังนัดหยุดงานและปิดสำนักงานรวมถึงสาขาทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นความเสียหายสูงสุดต่อธนาคาร และไม่อยากให้เกิดขึ้น ที่ผ่านมาบอร์ดได้รับปากแล้วว่าจะไม่อนุมัติการดำเนินงานที่ทำให้ธนาคารเกิด วิกฤติเช่นที่ผ่านมา

นาย ลิขิต กล่าวต่อไปว่า สหภาพฯยังเห็นว่าบอร์ดยังไม่จำเป็นต้องลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เพราะถ้าบอร์ดลาออก ซึ่งในช่วงรัฐบาลรักษาการ จะไม่สามารถตั้งบอร์ดชุดใหม่ได้ ในแง่การบริหารธนาคารจะได้รับผลกระทบ ไม่สามารถอนุมัติการดำเนินงานต่างๆ ของธนาคารได้ ยิ่งจะทำให้ธนาคารเกิดวิกฤติหนักซ้ำไปอีก

ตอน นี้ต้องให้องค์กรอยู่รอด โดยที่ทางสหภาพฯ ยังจะต้องติดตามการทำงานของบอร์ดชุดนี้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งธนาคารมีนโยบายกำกับดูแลการอนุมัติต่างๆ และมีนโยบายธรรมาภิบาลที่ชัดเจน ซึ่งกำกับการทำงานของบอร์ดอยู่ด้วย และหลังจากนั้นเมื่อผ่านพ้นวิกฤตินี้แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าบอร์ดแต่ละท่านจะพิจารณาแสดงความรับผิดชอบอย่างไร

“บอร์ด รับปากแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับนโยบายรัฐที่ไม่ชัดเจน และภาวะเช่นนี้จึงจำเป็นต้องมีบอร์ดในแง่การบริหาร วิกฤตินี้ธนาคารต้องอยู่รอด เดินหน้าต่อไปได้ มากกว่าความถูกใจ"

ส่วน สถานการณ์ภาวะคนถอนเงินออกจากธนาคารออมสินช่วงเช้า ประเมินว่า หลังจากผู้อำนวยการธนาคารออมสินลาออกแล้ว ยอดถอนเงินจะลดลงจากวันก่อนได้ แต่ยังต้องรอประเมินในช่วงบ่ายอีกครั้ง คาดว่าทั้งวันยอดถอนเงินไม่น่าจะเกิน 2 หมื่นล้านบาท เบื้องต้นสหภาพฯได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังสาขาและลูกค้าเพื่อสร้างเข้าใจและ เรียกความเชื่อมั่นกลับมา เช่น ธนาคารออมสินยังให้อัตราดอกเบี้ยที่สูง เงินฝากเผื่อเรียก ดอกเบี้ย 1.5% และรัฐบาลประกันเงินฝากเต็มจำนวน

ขณะ นี้พบว่ามีลูกค้ายอมถอนเงินทั้งๆ ที่ขาดทุน และมีบางส่วนโทร.มาสอบถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ธนาคารปล่อยเงินกู้ อินเตอร์ให้กับธ.ก.ส. ดังนั้นจึงอยากขอร้องให้ลูกค้าเชื่อมั่นในธนาคาร

posted from Bloggeroid