หุ้นปั่น
คอลัมน์ วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2557ผู้เข้าชม : 12 คน
ช่วงนี้นักลงทุนเล่น “หุ้นปั่น” กันสนุกสนาน
บรรดาเจ้ามือทั้งหลายก็สนุกสนานกับการลากหุ้น ปั่นหุ้นเช่นกัน ขนาดผู้ควบคุมกฎออกมาปรามๆ ส่งสัญญาณเตือน ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หูทวนลม
ผมมีเพื่อนเป็นนักลงทุนหลายคน
พวกเขายอมรับว่า ช่วงนี้เข้าลงทุนหุ้นเหล่านี้เยอะครับ ส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลางและเล็ก เล่นกันหลายรอบ
ทว่าบางรอบก็พลาดขึ้นไปติด (ดอย) ก็มี
ถามเขาว่าไม่เล่นหุ้น VI ล่ะ? เขาบอกว่า ราคามันแพงไปแล้ว
อีกอย่าง หุ้น VI นักลงทุนรายใหญ่ (VI) ชอบออกมาบอก หรือแนะนำให้ซื้อ ก็ต่อเมื่อพวกเขาซื้อกันไปก่อนแล้ว ทำให้พอเข้าไปซื้อ ราคากลับปรับลง
จะว่าไปแล้วตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีมาตรการบังคับใช้อยู่
แต่หากจะให้เพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปอีก หรือเหวี่ยงแห ก็อาจไปกระทบกับหุ้นตัวอื่นๆ ที่ดีๆ กระทั่งส่งผลลบต่อสภาวะตลาดและการลงทุนโดยรวมได้
แนวทางจึงต้องบังคับใช้เป็นรายตัวไป
มาตรการแคชบาลานซ์ หรือการวางเงินสดเต็มจำนวนในการซื้อ-ขายหุ้น ถูกนำมาใช้ตั้งนานแล้วครับ
มาตรการนี้ก็เพื่อหยุดความร้อนแรงในการซื้อ-ขายหุ้น ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯเขามองว่า มีการเทรดแบบผิดปกติ ฉะนั้นจึงต้องเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงของนักลงทุน
ซึ่งก็ดูเหมือนไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่
ยอดถึง ณ วานนี้ (20 ต.ค.) มีหุ้นที่ติดคุก หรือแคชบาลานซ์อยู่ 57 ตัว
และอย่างที่ทราบกันดี บางทีมาตรการนี้ก็ไปเข้าทางบรรดาขาใหญ่ หรือเจ้ามือ ที่จะสร้างราคากันได้ง่ายขึ้น ยิ่งมีเงินสดในมือเยอะๆ ลากยาวๆ เกมเดียวจบเลย
นั่นเพราะปริมาณการซื้อขายหุ้นมันลงมาเหลือไม่มาก
ไม่มีบรรดารายย่อยเข้ามาจุ้นจ้าน
และพอสิ้นสุดการบังคับใช้แคชบาลานซ์ ราคาได้ขึ้นมาตามที่เจ้ามือต้องการ เมื่อรายย่อยที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นเข้ามาซื้อ ก็ถูกกระหน่ำขายในทันที หรืออาจจะลากไปต่อก็มี
กระทั่งหุ้นตัวนั้น เข้าไปติดแคชบาลานซ์อีกรอบ
เป็นวัฏจักรกันไปแบบนี้มาช้านาน
และยิ่งไปกว่านั้น หุ้นบางตัวที่ติดแคชฯ แต่ถูกมองว่า พอมีพื้นฐาน มีสตอรี่ข่าวดีๆ บ้าง (แม้จะน้อยนิด) ก็จะถูก (โบรกฯ) แนะนำให้เข้าลงทุนก็มี เพราะมองว่า หลังหลุดจากคุกแล้ว ราคาจะวิ่งขึ้น
หุ้นบางตัวเจ้ามือเขาก็เก่ง
หากต้องการให้รายย่อย ยังซื้อขายได้อยู่ ก็จะมีวิธีการคอยควบคุมทิศทาง มูลค่าซื้อขาย เพื่อไม่ให้เข้าไปแคชบาลานซ์ได้
ผมเชื่อว่า หน่วยงานที่กำกับดูแล นักลงทุน ต่างก็ทราบดีว่าหุ้นตัวไหนเข้าข่ายราคาขึ้นแบบผิดปกติบ้าง สื่อเองก็มีการนำเสนอออกมาด้วย แต่หากจะให้มาเขียนโชว์ตรงนี้ก็อาจไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
ขอเรียกเป็นตัวย่อแล้วกันครับ
เช่น หุ้น “D” ที่เคยติดแคชบาลานซ์ในรอบ 1 ก.ย.-10 ต.ค.
หุ้นตัวนี้ ถูกลากขึ้นมาตั้งแต่ 1 บาทกว่าเมื่อเดือนสิงหาคม 57 มาจนถึงวันนี้แตะ 20 บาท ซึ่งเป็นเป้าที่ว่ากันว่าขาใหญ่ “เสี่ย K” ต้องการให้ราคามาถึงตรงนี้พอดี
หุ้นตัวนี้ในรอบ 2 เดือนขึ้นมาแล้วเกือบ 1,600%
หาค่า พี/อี ไม่ได้, ผลตอบแทนเงินปันผลเป็นศูนย์, EPS ก็ติดลบ แล้วก็ผลประกอบการขาดทุนสุทธิมาโดยตลอด
หุ้น D ตัวนี้ว่ากันว่าเข้าข่ายทฤษฎีสมคบคิด
นั่นเพราะมีบุคคลเกือบทุกกลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้องในการสร้างราคาขึ้นมากันอย่างสนุกสนาน ครื้นเครง ท้าทายผู้ควบคุมกฎเกณฑ์เป็นอย่างยิ่ง
หุ้นอีกตัวชื่อย่อ “M”
แม้จะติดแคชบาลานซ์อยู่ และจะหลุดในวันที่ 31 ต.ค.นี้ แต่เป้าหมายราคาที่จะถูกลากไปให้ถึงก็คือ 6 บาท
ส่วนช่วงนี้ราคาจะวนเวียนอยู่ 4 บาทต้นๆ ไปก่อน
จริงๆ ก็ยังมีอีกหลายตัวที่ราคาวิ่งขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ สลับกันเล่น สลับตัวในการดันราคา ลากเสร็จ ขายทิ้ง ขำกลิ้งลิงกับหมากันเลย ซึ่งตามข่าวที่เคยมีลงกัน ไม่ต่ำกว่า 30-40 ตัว
หากมาตรการที่ใช้อยู่มันเบาไป
ก็ลองให้เข้มข้นขึ้นหน่อยก็น่าจะดี หรือหากกลัวว่าจะกระทบภาพรวมอีก ก็ลองนัดไปจิบกาแฟ ปรามๆ แบบหลังไมค์ก็ได้
ส่วนใหญ่ก็รู้ๆ จักกันหมดไม่ใช่หรือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น