แก้น้ำมันรั่วคืบ!
ลั่นหาดขาวโผล่
Q3ไม่ตั้งสำรอง
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 02 สิงหาคม 2556 ผู้เข้าชม : 5 คน
PTT เผย PTTGC แก้ปัญหาน้ำมันรั่วคืบหน้าเกิน 80% หาดขาวเริ่มโผล่ พร้อมฟื้นฟูสภาพแวดล้อมภายใน 2-3 วันนี้ “ไพรินทร์” ชี้มอร์แกน สแตนเลย์ คาดมูลค่าความเสียหายไม่เกิน 65 ล้านเหรียญ ฟาก PTTGC ลั่นไม่ตั้งสำรองในไตรมาส 3/56 เหตุต้องรอผลประเมิน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วลงทะเลของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ว่า ล่าสุดปฏิบัติการกู้คืนสภาพชายหาดอ่าวพร้าวและท้องทะเล จังหวัดระยอง มีความคืบหน้าไปแล้วเกิน 80% โดยหาดทรายกลับมาขาว และจากการลงพื้นที่สำรวจปะการัง และสิ่งมีชีวิตยังคงมีสภาพเหมือนเดิม
ดังนั้น คาดภายในช่วงระยะเวลา 2-3 วันนี้ จะเร่งดำเนินการจัดการสภาพสิ่งแวดล้อมให้กลับมาคืนสภาพเดิมมากสุด และเตรียมที่จะออกอากาศสภาพแวดล้อมที่อ่าวพร้าวผ่านทางเว็บไซต์บริษัทแบบเรียลไทม์ เพื่อแสดงความคืบหน้าให้ประชาชนที่ติดตามเห็นภาพสอดคล้องความเป็นจริง
ปัจจุบันชายหาดของอ่าวพร้าวกลับมามีสภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากทีมงานของกลุ่ม PTT รวมถึงหน่วยงานทั้งหมดที่เข้าร่วมมือขจัดคราบน้ำมันออกไปแล้วเป็นจำนวนมาก ส่วนกระบวนการต่อไป คือ ขจัดคราบน้ำมันที่ติดอยู่ตามโขดหินต่างๆ ด้วยการใช้ฉีดน้ำแรงดันสูง รวมถึงการขนของเสียออกทางทะเล เพราะเส้นทางขนส่งบนถนนมีข้อจำกัดทางพื้นที่รวมถึงป้องกันผลกระทบต่อชาวบ้านในระหว่างขนส่ง
สำหรับกระบวนการแก้ไขที่บริษัทลงมือทำนับว่าเร่งเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง โดยส่วนของท้องทะเลตั้งแต่เกิดเหตุบริษัทใช้สารเคมี Slickgone NS ประมาณ 50-70 ตัน แก้ปัญหาน้ำมันในทะเล ส่วนคราบน้ำมันที่เข้ามาหาดอ่าวพร้าวมีปริมาณน้ำมันประมาณ 20 คิว โดยฉาบบนผิวทรายจึงใช้วิธีดูดซับคราบน้ำมันแทนหรือตักออกสำหรับส่วนที่ปนเปื้อน
ด้านสำหรับมูลค่าความเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รวมถึงสาเหตุที่ท่อน้ำมันดิบรั่ว ยังอยู่ระหว่างการตรวจและน่าจะได้ข้อสรุปภายในเร็วๆ นี้ แต่จากข้อมูลของมอร์แกน สแตนเลย์ คาดมูลค่าความเสียไว้ 8-65 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น เรื่องการชดเชยต่างๆ ในส่วนของ PTTGC มีความพร้อมเต็มที่ เพราะมีวงเงินที่ทำประกันไว้แล้ว 50 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีตัวเงินจากผลประกอบการบริษัท ประกอบกับ PTT พร้อมช่วยสนับสนุนเพิ่มเติมหากมูลค่าวงเงินเกินจำนวนที่ PTTGC จะรับไหว
ส่วนกรณีเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล จะกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจพลังงานทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคตหรือไม่นั้น นายไพรินทร์ กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งเดินหน้าธุรกิจต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องเกินคาดหมาย และไม่มีใครอยากให้เกิด ดังนั้น กลุ่มปตท.จึงมุ่งหน้าแก้ไขปัญหาเต็มที่และนำบทเรียนมาศึกษาเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต และต้องกล่าวขอโทษและมีความเสียใจกับสิ่งเกิดขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ บริษัทจะเร่งตรวจสอบหาสาเหตุต่างๆ ทั้งส่วนของคราบน้ำมันที่ไหลเข้ามาสู่อ่าวพร้าวว่าเป็นเพราะเหตุใด รวมถึงสาเหตุที่ท่อน้ำมันแตกรั่วออกมา เพราะข้อเท็จจริงแล้วท่อน้ำมันสามารถรับแรงดันระดับสูง และมีความแข็งแรงมาก มีอายุการใช้งานนานถึง 5 ปี ปกติแล้ว PTT จะเปลี่ยนท่อทุก 2 ปี และท่อนี้เพิ่งใช้งานมาเพียงแค่ 1 ปีกว่าเท่านั้น
ขณะที่นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTGC กล่าวว่า เบื้องต้นการตั้งสำรองจากเหตุการณ์ในครั้งนี้จะยังไม่เกิดขึ้นภายในช่วงไตรมาส 3 นี้ เนื่องจากยังต้องรอความชัดเจนจากการประเมินความเสียหายต่างๆ ส่วนจะบันทึกเข้ามาไตรมาส 4 หรือไม่ ยังคงสรุปไม่ได้เช่นกัน เพราะทุกอย่างต้องผ่านการประเมินหรือปิดบัญชีเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายที่มีความชัดเจนแล้ว เช่น ต้นทุนที่ใช้ในกระบวนการแก้ปัญหา ค่าแรงงาน เป็นต้น จะนำมาบันทึกเข้าในส่วนต้นทุนดำเนินงานทันที ส่วนความเสียหายจากการได้รับผลกระทบ เช่น ผู้ประกอบการ ซึ่งหากมีหลักฐานแสดงชัดเจน บริษัทสามารถชดเชยให้ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเงินจากประกันหรือต้องรอผู้มีหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนความเสียหายที่ต้องรอการพิสูจน์จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบกันต่อไป
ทั้งนี้ การแถลงข่าววานนี้เกิดขึ้นที่ตึก ปตท. สำนักงานใหญ่ ในห้องศูนย์อำนวยการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤตกลุ่ม ปตท. (PTT GROUP CRISIS MANAGEMENT CENTER) โดยในงานมีการแสดงภาพเรียลไทม์จากอ่าวพร้าวเพื่อแสดงความคืบหน้า รวมทั้งมีระบบวิดีโอลิงค์แถลงข่าวพร้อมกับกลุ่มผู้บริหาร PTTGC (จากห้องประชุมบอร์ด PTTGC) และกลุ่มผู้บริหาร PTTGC ที่อยู่ในพื้นที่ของอ่าวพร้าว
ด้านบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดตัวฐานสนับสนุนการพัฒนาปิโตรเลียม ณ ตำบลปากน้ำ จังหวัดระนอง วานนี้ เพื่อเป็นฐานสนับสนุนกิจกรรมการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียมของ ปตท.สผ. และช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่กิจกรรมการสำรวจ พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมทางทะเลฝั่งอันดามันและในอ่าวเมาะตะมะ สหภาพเมียนมาร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น