ปิด5แบงก์เท้าบวม
รับปิดกองวายุภักษ์
‘กรุงไทย’ ลูบปาก เป๋าตุงเพิ่ม 3.32 หมื่นล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 02 สิงหาคม 2556 ผู้เข้าชม : 21 คน
5 ธนาคารพาณิชย์ กรุงไทย ไทยพาณิชย์ ธนชาต ซีไอเอ็มบีไทย และกรุงศรีฯ รับเงินปันผลระหว่างกาล 1.24 พันล้านบาท ปันผลพิเศษวายุภักษ์ไตรมาส 4 อีก 6 พันล้านบาท แถมเงินสดอีก 5 หมื่นล้านบาท หลังครบอายุกองทุนฯ เผย “กรุงไทย” ได้มากสุด 3.5 พันล้านบาท ส่งผลยอดรวมทั้งเงินต้น ปันผลระหว่างกาล และปันผลพิเศษกว่า 3.32 หมื่นล้านบาท
นายประสงค์ พูนธเนศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า กองทุนรวมวายุภักษ์หนึ่ง จะครบอายุกองฯภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ หลังจากนั้นกระทรวงการคลังจะถือหุ้นใหญ่เพียงรายเดียวทั้ง 100% จากเดิมที่ถือในสัดส่วน 30% ส่วนของรายย่อยและสถาบันการเงิน (นักลงทุนประเภท ก.) จะได้รับเงินคืนทั้งหมด ซึ่งมีอยู่ประมาณ 70%
“คลังจะถือกองทุนวายุภักษ์เพียงรายเดียว 100% หลังจากคืนเงินลงทุนให้กับนักลงทุนประเภท ก. แล้ว ซึ่งจะต้องขอยกเว้นจากก.ล.ต.ก่อน และจะเปิดขายใหม่อีกครั้งหากมีโครงการลงทุนที่ต้องใช้การระดมทุนผ่านกองทุนวายุภักษ์”
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังครบกำหนดอายุกองทุนวายุภักษ์ 10 ปี ในเดือนพ.ย.นี้ คณะกรรมการกองทุนวายุภักษ์อยู่ระหว่างคำนวณเงินที่ต้องคืนให้กับนักลงทุน ซึ่งจะมีทั้งเงินส่วนต่างจากแคปปิตอลเกน จากราคาหน่วยลงทุนของวายุภักษ์ ซึ่งเบื้องต้นอาจจะสูงถึง 1.20 บาทต่อหน่วย โดยพิจารณาจ่ายเป็นเงินปันผลพิเศษในงวดเดือนพ.ย.นี้ ไม่รวมกับเงินต้นที่จะต้องจ่ายคืนให้กับผู้ถือหน่วย
สำหรับหน่วยลงทุนตามราคาพาร์ของกองทุนวายุภักษ์อยู่ที่ 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งนักลงทุนที่ซื้อตั้งแต่เปิดกองทุนมาจะได้รับเงินปันผลพิเศษในส่วนนี้ โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันการเงิน 5 แห่งที่ถือหุ้นใหญ่ ประกอบด้วย ธนาคาร กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 2,940,452,500 หน่วย หรือ 29.40% 2.ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ถือ 1,068,856,600 หน่วย หรือ 10.69% 3.ธนาคาร นครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) ถือ 560,396,900 หน่วย หรือ 5.60% 4.ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) 250,000,000 หน่วย หรือ 2.50% และ 5.ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 172,167,800 หน่วย หรือ 1.72%
ทั้งนี้ เมื่อคิดเป็นวงเงินปันผลที่ 5 แบงก์พาณิชย์จะได้รับในครั้งนี้แล้ว รวมกว่า 6 พันล้านบาท ซึ่งจะบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาสที่ 4 แบ่งเป็น แบงก์กรุงไทย จำนวน 3.5 พันล้านบาท แบงก์ไทยพาณิชย์ 1.2 พันล้านบาท แบงก์ธนชาต จำนวน 672 ล้านบาท แบงก์ซีไอเอ็มบีไทย จำนวน 300 ล้านบาท และแบงก์กรุงศรีอยุธยา จำนวน 206 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 3 กองทุนวายุภักษ์ จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.25 บาทต่อหน่วย (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 56) ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ (รอบ 1 ม.ค.-30 มิ.ย. 56) ซึ่งทั้ง 5 แบงก์พาณิชย์ จะได้รับเป็นวงเงินประมาณ 1.24 พันล้านบาท บันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาสที่ 3 นี้ แบ่งเป็น แบงก์กรุงไทย จำนวน 735 ล้านบาท แบงก์ไทยพาณิชย์ จำนวน 267 ล้านบาท แบงก์ธนชาต จำนวน 140 ล้านบาท แบงก์ซีไอเอ็มบีไทย จำนวน 62.5 ล้านบาท และแบงก์กรุงศรีอยุธยา จำนวน 43 ล้านบาท
โดยหากรวมทั้งไตรมาสที่ 3 และ 4 แบงก์พาณิชย์ทั้ง 5 แห่ง จะได้รับเงินปันผลรวม 7.2 พันล้านบาท เป็นกำไรพิเศษในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ แบงก์ยังจะได้เงินสดคืนไปทั้ง 5 หมื่นล้านบาท จากการคืนเงินหน่วยลงทุนวายุภักษ์ ซึ่งแบงก์กรุงไทย จะได้รับมากที่สุด 2.9 หมื่นล้านบาท รองลงมาแบงก์ไทยพาณิชย์ 1 หมื่นล้านบาท ธนชาติ 5.6 พันล้านบาท ซีไอเอ็มบีไทย 2.5 พันล้านบาท และแบงก์กรุงศรีฯ จำนวน 1.7 พันล้านบาท
5 ธนาคารพาณิชย์รับเงินต้น (คืน) และเงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์
(หน่วย : ล้านบาท)
ธนาคาร เงินต้น ปันผลระหว่างกาล(รับQ3) ปันผลพิเศษ(รับQ4) รวมทั้งหมด
กรุงไทย 29,000 735 3,500 33,235
ไทยพาณิชย์ 10,000 267 1,200 11,467
ธนชาต 5,600 140 672 6,412
ซีไอเอ็มบีไทย 2,500 62.5 300 2,862.5
กรุงศรีฯ 1,700 43 206 1,949
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น