หุ้นเอเชียมีเสถียรภาพขึ้น
ต่างประเทศ วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2556 ผู้เข้าชม : 6 คน
วอลล์สตรีท เจอร์นัล - อารมณ์ในตลาดหุ้นเอเชียมีเสถียรภาพขึ้นเมื่อวานนี้หลังมีสัญญาณว่าอาจจะมีการชะลอการโจมตีทางทหารต่อซีเรีย แต่ตลาดส่วนใหญ่ยังต้องดูแลความบอบช้ำอย่างหนักที่เกิดจากความวิตกที่ว่าสหรัฐใกล้จะลดมาตรการกระตุ้นทางการเงินอย่างรุนแรงแล้ว โดยในเดือนสิงหาคม ตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ปรับตัวลงมากสุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤติปี 51
แรงเทขายที่เกิดขึ้นทั่วเอเชียในเดือนสิงหาคมได้ส่งผลกระทบหนักที่สุดต่อหุ้นในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ทำให้เป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดสำหรับสองตลาดนี้นับตั้งแต่เกิดวิกฤติการเงินทั่วโลกเมื่อปี 2551 โดยในเดือนสิงหาคมซึ่งเหลือการซื้อขายอีกแค่วันเดียว ดัชนีหุ้นอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ได้ปรับตัวลง 11.4% และ 10.5% ตามลำดับ ส่วนตลาดหุ้นไทยได้ถูกทุบไป 9.6% ในเดือนนี้ แม้ว่าจะแย่ยิ่งกว่านั้นในช่วงเดือนกันยายน 2554
สามประเทศที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่าเศรษฐกิจ “TIP” ได้มีแรงซื้อเพิ่มขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมาจนส่งผลให้การประเมินมูลค่าสูงเสียดฟ้า และทำให้ตลาดหุ้นของสามชาตินี้ มีผลงานดีที่สุดในเอเชียเมื่อต้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากยังคงมองในด้านบวกว่า หุ้นได้ดีดตัวรวดเร็วและไกลเกินไปจึงเป็นธรรมดาที่จะต้องถดถอยลง
เมื่อวานนี้ ตลาดฟิลิปปินส์รีบาวด์ขึ้น 3.6% หลังจากที่แถลงว่าจีดีพีในช่วงไตรมาสสองโต 7.5% ตามที่คาดและช่วยลดความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจฟิลิปปินส์กำลังชะลอตัวลง
ในขณะเดียวกัน อินเดียก็เป็นศูนย์กลางของพายุเช่นกันเพราะมีความวิตกเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นเงินรูปีที่อ่อนค่าลงในปีนี้ 12% ส่วนหุ้นอินเดียปรับตัวลงแค่ 6% ในปีนี้
ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดแรงเทขายคือผลตอบแทนสินทรัพย์ดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายในอนาคตของธนาคารกลางสหรัฐที่ได้ทำให้นักลงทุนทั่วโลกตื่นตระหนก ซึ่งได้ทำให้ตลาดที่มีความเสี่ยงมีเสน่ห์น้อยลงและทำให้เกิดการถอนเงินออกจนทำให้เกิดหายนะสำหรับตลาดเกิดใหม่
พันธบัตรก็ถูกทุบเช่นกัน โดยพันธบัตรดอลลาร์ของอินโดนีเซียที่ผู้จัดการกองทุนต่างชาติถือกันอย่างกว้างขวาง ได้ปรับตัวลง 9.2% ในเดือนนี้ และจนถึงขณะนี้ปรับตัวลงไปแล้ว 18.8% ในปีนี้ ซึ่งอยู่ในอันดับที่แย่ที่สุดในภูมิภาค ส่วนพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นก็ปรับตัวลง 4.2% ในเดือนนี้ และลดลง 16.4% ในปีนี้ ส่วนในฟิลิปปินส์ พันธบัตรดอลลาร์ปรับตัวลงเกือบ 3% ในเดือนสิงหาคม และลดลง 9.3% ในปีนี้
สัปดาห์นี้ เอเชียได้รับผลกระทบตัวใหม่เมื่อมีความวิตกเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเพราะมีสัญญาณว่า สหรัฐอาจจะโจมตีซีเรียหลังจากที่ใช้อาวุธนิวเคมีทำร้ายประชาชนในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์วิตกว่า การโจมตีทางทหารอาจส่งผลกระทบต่อชาติที่ผลิตน้ำมันอื่นๆ ในภูมิภาคและทำให้สหรัฐเข้าสู่สงครามที่ใช้เงินมากอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แสดงท่าทีระมัดระวังเมื่อคืนวันพุธที่ไม่ตัดสินใจว่าจะโจมตีหรือไม่ จึงทำให้ตลาดโล่งใจขึ้น
ราคาน้ำมันจึงปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อวานนี้ประมาณ 1.2% เหลือ 108.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในตลาดเอเชีย และเงินเยนก็อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในชั่วข้ามคืน จึงช่วยให้ดัชนีนิกเกอิ ปรับตัวขึ้น 0.9%
ส่วนในตลาดหุ้นอื่นๆ ดัชนีคอสปิของเกาหลีใต้ ปรับตัวขึ้น 1.2% ดัชนี S&P/ASX 200 เพิ่มขึ้นแค่ 0.1% และในตลาดจีน ดัชนีฮั่งเส็งปรับตัวขึ้น 0.84% ขณะที่ดัชนีคอมโพสิต เซี่ยงไฮ้ ปรับตัวลง 0.2%
ความวิตกที่ลดลงเกี่ยวกับซีเรียช่วยให้หลายตลาดมองไปที่ข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งดัชนียอดขายบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จของสหรัฐ ลดลงเป็นเดือนที่สอง แต่การแถลงผลประกอบการในจีนและออสเตรเลียกำลังเสร็จสิ้นลง และมีการรับข่าวเกี่ยวกับบริษัทใหญ่ๆ แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น