วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โบรกแนะเลือกซื้อ 8 บจ.ส่งสัญญาณรุ่งดัชนีลุ้นไปต่อ จับตาตัวเลขศก.ธปท. เก็งโบรกแนะเลือกซื้อ 8 บจ.ส่งสัญญาณรุ่งดัชนีลุ้นไปต่อ จับตาตัวเลขศก.ธปท. เก็ง 8 หุ้นLaggard Friday, 30 August 2013 8 หุ้นLaggard Friday, 30 August 2013

โบรกแนะเลือกซื้อ 8 บจ.ส่งสัญญาณรุ่งดัชนีลุ้นไปต่อ จับตาตัวเลขศก.ธปท. เก็ง 8 หุ้นLaggard


Friday, 30 August 2013



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.43 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.10 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและแดนลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้มีลุ้นฟื้นตัวต่อ ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิในรอบ 10 วัน แต่มูลค่าการซื้อขายเบาบาง วันนี้ต้องรอมูลค่าการซื้อขายว่าหนาแน่นเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ไม่เน้นไล่ราคา จับตาตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของธปท. ในช่วงบ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการบริโภค และการลงทุน เลือกซื้อ THRE, TTA, PTT, KKP, SCC, ASP, BGH, TICON และเก็งกำไรหุ้น cyclical ที่ laggard ได้แก่ TUF IRPC ESSO SCC SRICHA TTA IVL KCE

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ประเด็นสำคัญวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวานนี้ฟื้นตัวเป็นวันแรกในรอบ 11 วันทำการ ปิดบวก 1.31% มาอยู่ที่ 1,292.53 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 37,335 ล้านบาท
แม้ว่านักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันแรกในรอบ 10 วันทำการ แต่ก็เพียง 379 ล้านบาท แต่คงการ Short สุทธิใน Index Futures เป็นวันที่ 2 อีก 1,091 สัญญา และขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 8 อีก 2,833 ล้านบาท สะท้อนกระแสเงินทุนต่างชาติยังมีความเปราะบาง
MBKET ประเมินภาพ SET INDEX วันนี้จะไต่ระดับขึ้นเป็นวันที่ 2 เพื่อทดสอบ 1,300/10 จุดระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย จากภาวะการลงทุนที่ขาดปัจจัยลบใหม่เข้ากดดันการลงทุน อีกทั้งต่างชาติวานนี้กลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง ช่วยลดความกังวลของนักลงทุนภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม Upside Gain ยังคงจำกัด ด้วยความเปราะบางทางเศรษฐกิจของไทย
วันนี้ นักลงทุนควรติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ค.ของธปท. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศ ชะลอตัวเพิ่มเติมจาก 2Q56 หรือไม่ ซึ่ง MBKET เชื่อว่าจะยังเป็นทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง จะเป็นข้อมูลพื้นฐานเชิงลบต่อนักลงทุนต่างชาติ พร้อมกับผลการพิจารณาศาลปกครองต่อคำร้องฉุกเฉินเรื่องการขึ้นราคาก๊าซ LPG
ขณะที่การประชุมระหว่าง กลต – ตลท. วันนี้ต่อการหารือแนวทางการจัดตั้ง Thailand Fund อาจมีความคืบหน้า แต่ยังต้องใช้เวลาในการวางกรอบการลงทุน และการระดมทุนไม่น้อยกว่า 1.0 เดือน
ดังนั้น นักลงทุนระยะสั้นที่เข้าเก็งกำไรวานนี้ตามคำแนะนำ หรือ เข้าเก็งกำไรมาก่อนหน้านี้ การฟื้นตัวของ SET INDEX สู่ 1,300/10 จุด เป็นโอกาสของการขายทำกำไร และกลับมาถือเงินสด หรืออาจเป็นซื้อเก็งกำไรจบภายในวัน
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: MBKET แนะนำ ซื้อเก็งกำไรจบในวัน” ในหุ้นKKP
กลยุทธ์ทางเลือกวันนี้(S50U13): MBKET แนะนำ “วันนี้ท้ายสัปดาห์ ถ้าจะเน้นการเล่นรอบจบในวัน พอร์ตว่าง สังเกตระดับเปิด กรณีดึงเปิดดีดข้ามแนวต้าน 885 จุด” อาจดึงเพื่อรอไปเปิด Short ด้านบน 892-897 จุด
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า SET น่าจะฟื้นตัวต่อ หลังจาก 1,275 จุด (Expected P/E 13 เท่า) เป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง และถือว่าสะท้อนต่อข่าวร้ายไปมากพอควร กลยุทธ์ยังแนะให้ปรับพอร์ตถือหุ้น Global + Domestic Plays เลือก PTT (FV@B384) และ SCC (FV@B545) เป็น Top Picks
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ตลาดเริ่มบวกกลับซึ่งลุ้นต่อถึงสัปดาห์หน้าได้ ดังนั้นยังเน้นถือ-รอทำกำไร 
กลยุทธ์ : SET เริ่มบวกกลับทำให้ยังตามเทรดดิ้งต่อเนื่องได้ แต่ควรแบ่งส่วนขายทำกำไรช่วงบวกด้วย เพราะยังต้องระวังแรงขายกดดันให้ปรับตัวย้อนลงใหม่อีกครั้ง ส่วนพอร์ตลงทุนยังเน้นถือต่อเนื่องได้ แต่ถ้าจะซื้อเพิ่มพอร์ตยังไม่จำเป็นต้องซื้อในลักษณะไล่ราคา โดยแนะนำให้รออ่อนตัวค่อยซื้อเพิ่มดีกว่า
หุ้นเด่นทางเทคนิค :  THRE, TTA, IVL (SBL)
แนวโน้ม : ตลาดหุ้นต่างประเทศเช้านี้ยังค่อนข้างสดใส หลังได้รับแรงหนุนจากตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐที่ประเมินครั้งใหม่ดีขึ้นเกินคาด ประกอบกับนักลงทุนเริ่มคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรียลง โดยวานนี้เรายังเห็นแรงซื้อในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมทั้งแรงขายจากนักลงทุนต่างประเทศที่เริ่มบางตาลง ทำให้ FSS คาดว่า SET ยังมีโอกาสแกว่งบวกขึ้นต่อ และมีลุ้นบวกไปจนถึงสัปดาห์หน้าด้วย อย่างไรก็ตามในจังหวะบวกขึ้นก็ยังต้องระวังแรงขายทำกำไรที่จะมีออกมากดดันเป็นระยะ ซึ่งจะทำให้ SET มีลักษณะแกว่งตัวผันผวนไว้ด้วย เนื่องจากคาดว่านักลงทุนบางส่วนยังต้องการรอดูความชัดเจนจากการตรวจสอบของ UN เกี่ยวกับกรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรีย และแนวทางการตอบโต้ของประเทศพันธมิตรอีกครั้ง รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสหรัฐอาจเพิ่มแรงกดดันให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอมาตรการ QE ในการประชุมเฟดที่กำลังจะมาถึงได้ (ประชุมเฟด 17-18 ก.ย.)
แนวรับ  1290-1285 , 1280-1276 จุด  แนวต้าน  1296-1300 , 1306-1312 , 1322  จุด
บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า SET พลิกกลับขึ้น จาก Sentiment บวก ไล่ตั้งแต่ GDP ฟิลิปปินส์ ซึ่งโตสูงกว่าคาด ขณะที่อินโดฯ เพิ่มอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดการอ่อนค่าของเงินรูเปียห์ และบ้านเรา จากประเด็นเตรียมจัดตั้ง Thailand fund ด้านแนวโน้มราคา เรามองวันนี้ช่วงแรกจะพลิกขึ้นได้ต่อ แต่ให้ระวังแนวต้านที่ 1308 และ 1315 จุด ตามระลอกการปรับตัวลงในภาพรวม ซึ่งดูเหมือนยังไม่จบ รวมถึงมีความกังวลต่อการเข้าโจมตีซีเรียในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จะกระตุ้นแรงขายออกมาได้ กลยุทธ์ ไม่ต้องรีบ นักลงทุนรอการอ่อนตัวเพื่อเข้าซื้อตามแนวรับ ด้านหุ้นแนะนำ ได้แก่ ASP และ BGH
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ที่ขายแล้วเมื่อวาน ให้รอดูสถานการณ์ KGI มอง SET วันศุกร์บวกกรอบแคบ แนะรอ หลังให้ลดพอร์ตเมื่อวาน ปัจจัย 1. ความเสี่ยงเรื่องซีเรีย ลดลงในช่วงสั้นมาก หลังรัฐสภาฯ อังกฤษไม่อนุมัติการใช้กำลังทหาร ส่วนสหรัฐฯ รอผลตรวจอาวุธจาก UN ค่อยตัดสินใจ วันนี้หุ้นพลังงานอาจพัก เพราะราคาน้ำมันลงกว่า 1% 2. ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ค่อนข้างดี ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด ส่วน GDP ไตรมาส 2 ที่ปรับปรุงใหม่โต 2.5% จากครั้งแรกโต 1.7% แต่ก็ทำให้ตลาดกังวลเรื่องชะลอ QE อีก โดยสัปดาห์หน้าจะมีตัวเลขว่างงาน และดัชนี ISM ชี้ทิศ QE อีก ส่วนบ่ายนี้ ธปท. รายงานเศรษฐกิจไทยเดือน ก.ค. หากเครื่องชี้บริโภค-ลงทุนอ่อนมาก จะกดดัน SET กลยุทธ์: ที่ขายหุ้นแล้ว แนะถือเงินสดเพื่อรอจังหวะซื้อ คาดสัปดาห์หน้ายังผันผวนหนัก
บล.กสิกรไทย ระบุว่า ขึ้นต่ออาจต้องเริ่มเน้นเสี่ยงขาย เก็งกำไรให้หมุนตัว/กลุ่มแนวโน้มตลาด: หุ้นไทยฟื้นตัวหลัง สศค. คาด GDP 3Q56 เติบโตเกิน 3% และเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และการส่งออก ก.ค. เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น ทั้งนี้ตลาดหุ้นโดยรวมเป็นบวก หุ้นตลาดเกิดใหม่โดยรวมฟื้นตัวเป็นบวก ตามทิศทางการฟื้นของค่าเงินที่ส่วนใหญ่ฟื้นจากจุดต่ำสุดในรอบหลายปี หลังธนาคารกลางหลายแห่งออกมาตรการเพื่อชะลอการอ่อนค่าอย่างรวดเร็วของสกุลเงินตนเอง ขณะเดียวกันหุ้นทางยุโรปปิดบวก อย่างไรก็ตามในระยะสั้นการบวกต่อของหุ้นโลกอาจเริ่มเจออุปสรรคจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ออกมาดี (อาทิ การรายงาน GDP 2Q56 ครั้งที่ 2 เมื่อคืนนี้ ซึ่งขยายตัว 2.5% YoY จากประมาณการครั้งแรกที่1.7%) กระตุ้นความกังวลต่อการชะลอ QE ที่อาจเริ่มตั้งแต่การประชุม FOMC 17-18 ก.ย.ที่จะถึงนี้ ดังนั้นเรากำลังเข้าสู่ช่วงที่มีโอกาสเผชิญความผันผวนสูงขึ้น
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาหุ้นรายตัวเราเชื่อว่าหุ้นจำนวนมากปรับตัวลงจนเริ่มต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งเป็นผลจากภาวะตลาดและการบังคับขายหุ้นจากบัญชีมาร์จิ้น (Forced sell) ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนจึงควรติดตามและทำการบ้านหุ้นที่สนใจให้ดี สำหรับนักเก็งกำไร 1) ถึงแม้กลุ่ม cyclical จะ Outperform ในรอบดีดตัวนี้ แต่การเก็งกำไรต่อยอดหลังหุ้นปรับขึ้นมา 2 วัน และน้ำมันเริ่มชะลอความร้อนแรงหลังประเด็นทำสงครามซีเรีย ติดอุปสรรคจากรัฐสภาอังกฤษไม่อนุมัติการใช้กำลังทางทหาร ทำให้ควรหมุนหาตัวที่ยัง laggard มากกว่าไล่ 2) หุ้นสื่อสารฟื้นตัวจากภาวะขายมากเกินมีแนวโน้มฟื้นต่อ แต่ประเมินระดับความปลอดภัยในการเก็งกำไรอีกราว 3-5% จากปัจจุบัน โดยรวมอาจเริ่มเห็นการหมุนกลุ่มหรือตัวหุ้นไปยัง laggard มากขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน: “มีโอกาสฟื้นต่อ แต่ควรเสี่ยงขายทำกำไรบ้าง ในระดับเกิน1300 โดยเฉพาะใกล้ 1320” การปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และการกลับมาแข็งค่าของบาท ทำให้ตลาดยังมีโอกาสลุ้นฟื้นต่อ โดยอาจใช้ค่าเงินบาท 31.6-31.90 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ประกอบการวางกลยุทธ์ หุ้นแนะนำ TICON และเลือกเก็งกำไรหุ้น cyclical ที่laggard ได้แก่ TUF IRPC ESSO SCC SRICHA TTA IVL KCE
สำหรับนักลงทุนระยะกลาง: คงน้ำหนักการลงทุนที่ 60% หลังลดไป 20% ใน 2 ครั้ง (22ก.พ. และ 20 มี.ค.) จากที่วางแผนจะปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนขึ้น เราขอชะลอเพื่อประเมินภาพความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนให้พรีเมียมกับการลงทุนลดลง (de-rating) ก่อนปรับน้ำหนักการลงทุนอีกครั้ง (หุ้นสะสมระยะกลาง KTB SAT TNH SMK PTTGC AP)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น