PTTEPยอดผลิตปิโตรเลียมพุ่ง
บริษัทจดทะเบียน วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม 2556 ผู้เข้าชม : 6 คน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมงวดปี 2556 ทางบริษัทได้ประเมินปริมาณการผลิตทั้งปีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.4 แสนบาร์เรลต่อวัน สูงกว่างวดปีก่อนที่ได้ผลิตได้จำนวน 3.1 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปริมาณขายปิโตรเลียมรวมจะอยู่ที่ระดับ 3 แสนบาร์เรลต่อวัน ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 9% จากปีก่อนที่มีปริมาณขายรวม 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน
โดยสาเหตุที่บริษัทมีปริมาณการผลิตและปริมาณขายสูงขึ้น เป็นผลมาจากโครงการผลิตในปัจจุบันสามารถเดินเครื่องได้อย่างมีศักยภาพ ประกอบกับในช่วงปลายไตรมาส 2 ที่ผ่านมาทางบริษัทยังเริ่มเดินหน้าโครงการมอนทาราซึ่งจะสามารถทำการผลิตเพิ่มสู่ระดับ 30,000 บาร์เรลต่อวันได้ภายในช่วงปลายปีนี้
สำหรับราคาขายเฉลี่ยปิโตรเลียมในงวดครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มทำใกล้เคียงกับงวดครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ซึ่งมีราคาอยู่ระดับ 66.09 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากราคาขายก๊าซยังคงอยู่ในระดับทรงตัว ประกอบกับมีสัดส่วนคิดเป็นสองในสามของฐานราคาขายรวม ส่วนราคาน้ำมันจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่น้ำมันจะมีสัดส่วนเพียงแค่หนึ่งในสาม
“ปี 2556 ทางบริษัทจะมีปริมาณการผลิตรวม 3.4 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ปริมาณขายจะเติบโตขึ้นมาอยู่แถว 3 แสนบาร์เรลต่อวัน เพราะปีนี้ทางบริษัทได้เริ่มเดินเครื่องผลิตโครงการมอนทารา ส่วนราคาขายเฉลี่ยในช่วงครึ่งหลังจะยังทรงตัวใกล้เคียงกับงวดครึ่งแรก เพราะถึงแม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นแต่ก็คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น” นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ระบุอีกว่า ช่วงปี 2557 ในเบื้องต้นทางบริษัทได้คาดปริมาณการผลิตและปริมาณจะเติบโตขึ้นจากปี 2556 ได้อีกประมาณ 10% เนื่องจากเป็นช่วงปีแรกที่บริษัทจะสามารถบันทึกยอดการผลิตของโครงการมอนทาราเข้ามาเต็มปี ประกอบกับยังเริ่มเดินเครื่องโครงการซอร์ติก้าในช่วงต้นปีหน้า และงวดปลายปีเดินหน้าโครงการแอลจีเรีย
นอกจากนี้ ภายในช่วงปี 2563 ทางบริษัทได้วางเป้าหมายเพิ่มปริมาณผลิตสู่ระดับ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งภายใต้เป้าหมายดังกล่าว PTTEP จะต้องทำปริมาณการผลิตเติบโตขึ้นปีละ 8% จากปัจจุบัน ซึ่งมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ เพราะในขณะนี้ทางบริษัทมีโครงการพลังงานที่มีประสิทธิภาพรองรับทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ไว้แล้ว
โดยในระยะสั้นจะมีโครงการผลิต เช่น แหล่งอาทิตย์ แหล่งบงกช แหล่ง S1 แหล่งยานาดา แหล่งเยตากุน เป็นปัจจัยช่วยหนุน ส่วนการเติบโตในเชิงระยะกลางจะมีโครงการมอนทาราที่เริ่มเดินเครื่องผลิตไปแล้ว โครงการซอติก้า โครงการแอลจีเรีย แหล่งออยล์แซนด์ ส่วนโครงการระยะยาว ได้แก่ แหล่งโมซัมบิก แหล่งเคนยา แหล่งแอลจีเรีย และแหล่งเอ็ม 3 ในพม่า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะพยายามเดินหน้าเพิ่มสัดส่วนปริมาณผลิตในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันปริมาณผลิตหลักจะมาจากในประเทศไทยและอ่าวไทยสูงถึง 85% ส่วนที่เหลืออยู่ที่ต่างประเทศ จึงคาดว่าภายในช่วงหลายปี 2563สัดส่วนผลิตจากภายในประเทศลดลงเหลือ 65% และอีก 35% จากต่างประเทศเมื่อโครงการผลิตต่างๆ ที่ลงทุนเริ่มเดินเครื่องผลิต
สำหรับแผนการลงทุนในช่วง 5 ปี (2555-2560) ได้กำหนดงบลงทุนรวมไว้ประมาณ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเฉลี่ยลงทุนปีละ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยประมาณการรายจ่ายลงทุน และรายจ่ายดำเนินงาน นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต เพียงแต่การเข้าลงทุนหลังจากนี้ไปจะเน้นโครงการที่เริ่มพัฒนาหรือดำเนินการผลิตแล้ว เพราะจะช่วยต่อยอดธุรกิจให้กับ PTTEP ได้เลยในทันที
ส่วนกระแสข่าวการเข้าลงทุนในพม่าของ PTTEP ไม่โปร่งใส ทางบริษัทยืนยันว่า ประเทศพม่าเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 ของ PTTEP เพราะได้เข้าไปลงทุนมาเป็นระยะเวลานานมากแล้วถึง 23 ปี อีกทั้ง การลงทุนในช่วงที่ผ่านมาก็ล้วนถูกต้องตามกระบวนการ รวมถึงทางบริษัทยังจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงต้องบริหารงานอยู่ภายใต้หลักจริยธรรมและมีความโปร่งใสเป็นหลัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น