วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

PTTEPปลดล็อก เพิ่มทุนรอบสอง อินเดียฮุบAREA1


PTTEPปลดล็อก
เพิ่มทุนรอบสอง
อินเดียฮุบAREA1

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 02 พฤษภาคม 2556 
ผู้เข้าชม : 9 คน 

PTTEP ปลดล็อกเพิ่มทุนมหาศาล เหตุล่าสุดยักษ์ใหญ่น้ำมันจากอินเดีย ONGC และ OINL จับมือเสนอซื้อหุ้น 20% ใน ROVUMA OFF SHORE AREA 1 มูลค่าสูงสุด 1.8 แสนล้านบาท จากกลุ่ม ANADARKO และ VIDEOCON และหากกลุ่มอินเดียซื้อได้จริง หุ้น PTTEP จะคลายความกังวลไม่ต้องเพิ่มทุน แต่เสียโอกาสถือหุ้นใหญ่ 28.5% ทันที

            รายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัท ออยล์ แอนด์ เนเชอรัล แก๊ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ONGC) และบริษัท น้ำมันอินเดีย จำกัด (OINL) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศอินเดีย มีการเสนอเงื่อนไขการซื้อหุ้นโครงการโมซัมบิก โรวูม่าออฟชอร์แอเรีย วัน (ROVUMA OFF  SHORE AREA 1) ในโมซัมบิก จาก ANADARKO และ VIDEOCON สัดส่วนรวมกันประมาณ 20% โดยเสนอซื้อราคาประมาณ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 170,000-180,000 ล้านบาท) และกลายเป็นราคาเสนอซื้อสูงสุดตอนนี้ และหากไม่มีใครเสนอราคาแข่ง กลุ่มดังกล่าวน่าจะเป็นผู้ได้หุ้นสัดส่วน 20% นี้ไป
                จากประเด็นดังกล่าว ถือว่ามีผลทั้งเชิงลบและเชิงบวกต่อบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTT EP กล่าวคือ หากว่า PTTEP หรือรายอื่นๆ ไม่เสนอราคาแข่งเท่ากับว่ากลุ่มน้ำมันอินเดียได้ไป PTTEP จะปลดล็อกความกังวลเรื่องการเพิ่มทุนไปทันที  เนื่องจากก่อนหน้านี้ PTTEP แสดงความสนใจซื้อหุ้นในสัดส่วน 20% จากกลุ่มดังกล่าว และหากซื้อจริง PTTEP ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล และหากใช้เงินกู้จากสถาบันการเงิน จะส่งผลให้ PTTEP มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ขยับเพิ่มขึ้น จึงมีแนวโน้มที่บริษัทต้องดำเนินการเพิ่มทุนอีกครั้ง รวมถึงส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดาน โดยสถานะทางการเงิน  บริษัท ณ สิ้นปี 2555 มีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ 0.35 เท่า
ทั้งนี้ เป้าหมายที่ PTTEP กำหนดไว้ว่าบริษัทไม่ควรเกิน 0.5 เท่า จะรับเงินกู้เข้ามาประมาณ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ   เมื่อบวกกับกระแสเงินสดที่มีอยู่ในปัจจุบันประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับ PTTEP มีงบลงทุนประมาณ 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือว่าเพียงพอต่อการเข้าซื้อหุ้นเพิ่มสัดส่วนไม่เกิน 10%
อย่างไรก็ดี ภายใต้แนวทางดังกล่าวทำให้ PTTEP มีสภาพคล่องทางการเงิน ตกอยู่ในภาวะตึงตัว และขาดเงินทุนเพื่อรองรับการใช้ลงทุนตามปกติของบริษัทแต่ละปี นอกจากนี้ หากกู้เงินเพิ่มจนมีอัตราหนี้สินต่อทุนสูงเกิน 0.5 เท่า ส่งผลให้บริษัทอาจถูกปรับลดเครดิตทางการเงินลงได้เช่นกัน
ส่วนผลกระทบเชิงลบทำให้ PTTEP เสียโอกาสเพิ่มสัดส่วน การถือหุ้นจาก 8.5% เป็น 28.5% และกลายเป็นผู้ถือหุ้นสูงสุดโครงการดังกล่าวที่ถือเป็นสินทรัพย์ที่มูลค่ามหาศาลและมีปริมาณสำรองของก๊าซธรรมชาติในระดับสูงหลายสิบล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ดังนั้น เมื่อเริ่มดำเนินการโครงการโมซัมบิก จะสามารถสร้างผลตอบแทนระดับมหาศาลให้บริษัท รวมถึงสอดคล้องต่อความต้องการใช้ LNG ของประเทศไทยที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทันที
ปัจจุบัน  ANADARKO ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของแปลงสัมปทานดังกล่าว มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งสิ้น 36.5% แสดงความสนใจขายหุ้นออกมา 10% จึงคงเหลือสัดส่วนอีก 26.5% ขณะที่ VIDEOCON ถือหุ้นอยู่ 10% มีความต้องการขายทั้งหมด พร้อมกับว่าจ้างให้สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด และยูบีเอส เป็นผู้ดำเนินการจัดการการขาย
ทั้งนี้ โครงการโมซัมบิก โรวูม่าออฟชอร์แอเรีย วัน ขณะนี้โครงการกำลังดำเนินการพัฒนาแหล่งก๊าซนอกชายฝั่ง และวางแผนพัฒนาการก่อสร้างโรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวบนบกพื้นที่เขตอุตสาหกรรม Cape Afungi  เมือง Cabo Delgado  ทางตอนเหนือของประเทศโมซัมบิก โดยไตรมาส 1/56 โครงการเสร็จสิ้นการเจาะหลุมสำรวจ 3 หลุม (Barracuda-1, Tuba   rao-2, Black Pearl) แต่ไม่พบศักยภาพเชิงพาณิชย์ ซึ่งไม่ได้มีผลกระทบกับปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติแหล่ง Prosperidade   และแหล่ง Golfinho/Atum ที่ค้นพบแล้วแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ผลการเจาะหลุมดังกล่าว สามารถใช้เป็นข้อมูลทางธรณีวิทยา  เพื่อประเมินศักยภาพของแหล่งในอนาคตต่อไปได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น