SINGERกำไรปีนี้ทะลัก
บุญยงลั่นนิวไฮรอบ20ปี
ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม 2556 ผู้เข้าชม : 4 คน
"บุญยง" เอ็มดี SINGER ลั่นปีนี้รายได้และกำไรสถิติสูงสุดรอบ 20 ปี หลังไตรมาส 1 โชว์กำไรทะลัก ขณะที่ไตรมาส 2 เด้งต่อเนื่องรับอานิสงส์อากาศร้อน ยอดขายสินค้าทำความเย็นพุ่งทั้งตู้แช่-แอร์ เชื่อครึ่งปีแรกรายได้โตกว่าปีก่อน 20%
นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยถึงแนวโน้มการดำเนินงานปี 2556 ว่า มั่นใจว่าผลประกอบการจะทำสถิติสูงสุดนับแต่ก่อตั้งบริษัทมา 20 ปี เนื่องจากไตรมาส 1/2556 (ม.ค.-มี.ค.) มีกำไรที่ 89 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับกำไรทั้งปีของปี 2553 เพราะ SINGER ขยายการขายสู่ลูกค้าสินค้าร้านค้ามากขึ้น ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นดีกว่าลูกค้าสินค้าครัวเรือน
โดยเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้าประเภทตู้แช่ ตู้หยอดเหรียญเติมเงินโทรศัพท์มือถือ และตู้หยอดเหรียญเติมน้ำมัน ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับผู้ซื้อ โดย SINGER เรียกสินค้าประเภทนี้ว่าเครื่องปั๊มเงิน ทำให้ลูกหนี้สามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วนตามกำหนด ปัจจุบันบัญชีลูกหนี้ต่อรายมีมูลหนี้เพิ่มขึ้น อยู่ที่ 100,000 บาทต่อราย จากเดิม 10,000 บาทต่อราย
ส่วนช่วงไตรมาส 2/2556 (เม.ย.-มิ.ย.) ผลการดำเนินงานยังอยู่ในระดับดีมาก เพราะสามารถจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องทำความเย็น เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้แช่ ได้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจัด ปัจจุบันสามารถจำหน่ายตู้แช่ได้ที่ 2,000 ตู้ต่อเดือน จากเดิม 1,000 ตู้ต่อเดือน ขณะเดือนเมษายนที่ผ่านมาสามารถจำหน่ายเครื่องปรับอากาศได้ถึง 4,500 เครื่อง จากเดือนเมษายนปีที่แล้วจำหน่ายได้เพียง 2,000 เครื่อง ดังนั้น จึงมั่นใจว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกนี้จะเติบโตกว่า 20%
“ปีที่แล้วกำไรทั้งปีอยู่ที่ 200 กว่าล้านบาท ปีนี้จะทำสถิติใหม่ เราดูจากแนวโน้มไตรมาส 1 และช่วงครึ่งปีแรกได้ โดยไตรมาส 1 ที่ผ่านมามีกำไร 89 ล้านบาท ขณะไตรมาส 1/55 มีกำไร 50 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 25% เพราะเรามีลูกค้าที่ซื้อสินค้าร้านค้ามากขึ้น ช่วงมกราคม-มีนาคม มีลูกหนี้ประเภทนี้ถึง 55% ซึ่งเราไม่เคยทำได้เท่านี้มาก่อน ส่วนช่วงไตรมาส 2 ก็ยังมีพลังวิ่งดีอยู่ เพราะสภาพอากาศร้อนจัดทำให้สินค้าประเภทเครื่องทำความเย็นขายดีมาก จนผลิตแทบไม่ทัน” นายบุญยง กล่าว
นายบุญยง กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน SINGER มีบุญชีลูกหนี้ทั้งหมด 173,000 ราย แบ่งเป็นลูกหนี้สินค้าครัวเรือน 60% และสินค้าร้านค้า 40% เพิ่มจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่มีบัญชีลูกหนี้ 135,000 ราย ซึ่ง SINGER มีแผนที่จะปรับสัดส่วนลูกค้า 2 ประเภทดังกล่าวให้อยู่ในระดับ 50:50 เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากรายได้สินค้า 2 ประเภทสามารถสร้างรายได้และกำไรแบบเกื้อกูลกัน โดยสินค้าครัวเรือนจะมีความเสี่ยงจากสภาพภูมิอากาศ เช่น หากเกิดอุทกภัย ลูกค้าก็จะมีปัญหาในการผ่อนชำระ แต่สินค้าประเภทนี้สามารถสร้างมาร์จิ้นได้ ขณะที่สินค้าร้านค้าจะไม่มีความเสี่ยงจากปัจจัยดังกล่าวและสามารถชำระหนี้ได้เร็ว ครบกำหนด เนื่องจากสินค้าสามารถสร้างรายได้ให้กับลูกค้า
“เราจะเพิ่มสัดส่วนสินค้า 2 ประเภทนี้ให้อยู่ที่ 50% เท่ากัน โดยสินค้าร้านค้าที่ตอนนี้อยู่ที่ 40% เราก็จะรุกตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะร้านโชว์ห่วย เรากล้าพูดได้เลยว่าเราคือผู้นำตู้แช่เครื่องดื่ม และไม่มีคู่แข่ง ปัจจุบันเรามีลูกค้า 4,000-5,000 ราย ขายได้ 5,000 ชิ้นต่อเดือน ส่วนตู้หยอดเหรียญเติมเงินมือถือขายได้แล้ว 33,000 ตู้ ตู้หยอดเหรียญเติมน้ำมัน 2,000 ตู้ และปีนี้จะเพิ่มได้เกิน 3,000 ตู้ ส่วนสินค้าครัวเรือนขายได้ 10,000 ชิ้นต่อเดือน แต่คู่แข่งก็มากขึ้นๆ” นายบุญยง กล่าว
นายบุญยง กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) SINGER ยังมีแผนที่จะปรับภาพลักษณ์ร้านจำหน่ายแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้านคือ มาเลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา รวม 44 สาขา เป็นแบบสำนักงานย่อยให้สามารถจำหน่ายสินค้าแบบขายส่งได้ด้วย เนื่องจากได้รับความสนใจจากประชาชนประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก และถือเป็นตลาดใหญ่ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการปรับภาพลักษณ์ และจะสามารถเพิ่มรายได้ให้ SINGER ได้อีกเท่าตัว
นอกจากนี้ จะขยายการขายสู่ประเทศพม่าซึ่งเป็นตลาดใหญ่พอกับประเทศไทย ล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในเมืองย่างกุ้ง เพื่อเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ SINGER ซึ่งจะได้ข้อยุติช่วงปลายปีนี้ และหากสามารถเจาะตลาดพม่าได้จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นอีก 40%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น