‘ภัทร’ครอบKK
อภินันท์คุมใหญ่
สินเชื่อปีนี้โต19%
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 17 พฤษภาคม 2556 ผู้เข้าชม : 4 คน
“ภัทร” กุมอำนาจ KK ล่าสุดส่ง “อภินันท์” คุมทัพใหญ่ “แบงก์-ตลาดทุน” ตั้งเป้าส่วนสินเชื่อรวมเติบโต 19% ส่วนสินเชื่อ รายใหญ่ปีนี้โต 30% ชูกลยุทธ์ดึงลูกค้าตลาดทุน จ่อรับรู้รายได้จาก BTS อีก 500 ล้านบาทไตรมาส 2/56
นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารเกียรตินาคิน (KK) เปิดเผยว่า ธนาคารมีการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการใหม่ โดยมี 2 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจธนาคารและธุรกิจตลาดทุน อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของนายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งนายกฤติยา วีรบุรุษ ให้ดำรงตำแหน่งประธานธุรกิจตลาดทุน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทุนภัทร และบล.ภัทร พร้อมทั้งแต่งตั้งนายยุทธพล ลาภละมูล ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บลจ.เกียรตินาคิน
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการรีแบรนดิ้งกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทรใหม่ ภายในไตรมาส 3/56 เพื่อรวมธุรกิจทั้งด้านตลาดเงินและตลาดทุนให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น ภายหลังจากที่ปรับโครงสร้างยุทธศาสตร์ทางธุรกิจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ว่าจะยังคงแยกการดำเนินงานของธุรกิจตลาดเงิน และตลาดทุนออกจากกันอย่างชัดเจน แต่อยู่ภายใต้การดูแลของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ที่ควบคุมให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้รับจากคณะกรรมการ โดยส่วนของบล.ภัทร และบล.เกียรตินาคินจะไม่ยุบรวมกัน แต่อยู่ระหว่างศึกษาการใช้แบรนด์ที่เชื่อมโยงทั้ง 2 บล.ให้เกี่ยวเนื่องกัน
“เราจะมีการรีแบรนด์ในเร็วๆ นี้ ทั้งธุรกิจตลาดทุนและธนาคารให้เป็นแบรนด์เดียว ซึ่งจะทำให้กลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทรมีศักยภาพการทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และมีโอกาสในการทำธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย” นายอภินันท์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ธนาคารเน้นการดำเนินงานธุรกิจสินเชื่อบรรษัทหรือสินเชื่อขนาดใหญ่ โดยตั้งเป้าเติบโต 30% ไตรมาส 1/56 ที่ผ่านมา สินเชื่อดังกล่าวขยายตัวไปแล้ว 9-10% โดยธนาคารใช้เครือข่ายของกลุ่มลูกค้าธุรกิจตลาดทุน ที่ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่เพื่อนำมาต่อยอดด้านบริการสินเชื่อขนาดใหญ่ของธนาคาร ซึ่งแบ่งเป็นการดูแลและให้คำแนะนำผ่านเครือข่ายวาณิชธนกิจของธุรกิจตลาดทุนส่งต่อมายังพนักงานธนาคารในการเป็นผู้ให้สินเชื่อ
“ธุรกิจสินเชื่อบรรษัทเราจะเน้นมากขึ้น โดยใช้เครือข่ายธุรกิจตลาดทุนมาต่อยอดเป็นสินเชื่อขนาดใหญ่ของแบงก์ เราเซ็ทให้แผนกสินเชื่อบรรษัทมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ใช้เครือข่ายวาณิชธนกิจที่เป็นผู้ให้คำแนะนำส่งต่อมา” นายอภินันท์ กล่าว
ขณะที่เป้าหมายสินเชื่อของปีนี้ยังคงเป้าไว้ที่การเติบโต 19% ต่ำกว่าปีก่อนที่เติบโต 30% โดยเป็นผลมาจากการชะลอ ตัวของสินเชื่อเช่าซื้อที่พบว่า ในปีก่อนได้รับแรงกระตุ้นจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลทำให้สินเชื่อเติบโตสูงกว่าปกติ ซึ่งหากจะมีการทบทวนเป้าหมายสินเชื่อจะทบทวนช่วงครึ่งปีหลัง
สำหรับไตรมาส 1/56 สัดส่วนรายได้ระหว่างดอกเบี้ยกับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอยู่ที่ 50% เท่ากันภายหลังจากที่มีการรวมบมจ.ทุนภัทรเข้ามาใน KK ซึ่งรายได้ดอกเบี้ยจะมาจากสินเชื่อ ส่วนรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะมาจากแบงก์แอสชัวรันส์ นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้ด้านวาณิชธนกิจ
นายกฤติยา วีรบุรุษ ประธานธุรกิจตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนภัทร จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เรามุ่งเน้นไปใน 3 ธุรกิจหลัก ส่วนแรก คือ การให้บริการกับลูกค้าบุคคล เช่น บริการวางแผนการเงินที่ปรึกษาการลงทุน บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันในกลุ่มธุรกิจการเงินดูแลสินทรัพย์การลงทุนของลูกค้าอยู่ 300,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งตลาดของการซื้อขายหลักทรัพย์ของกลุ่มอยู่ที่กว่า 5%
ส่วนที่สอง คือ การบริหารจัดการการลงทุน หรือ Asset Management ที่มีการจัดตั้งหน่วยงานด้านกองทุนส่วนบุคคล หรือ Private Fund ขึ้นเมื่อปีที่แล้วปัจจุบันบริษัทดูแลทรัพย์สินที่เป็นตราสารทุนทั้งหมดกว่า 6,000 ล้านบาท และผลตอบแทนของกองทุนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก รวมไปถึงการที่มีบลจ.เกียรตินาคินที่มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ธุรกิจด้าน Asset Management สามารถให้บริการได้ครอบคลุม และแข็งแกร่งมากขึ้น โดยส่วนสุดท้าย คือ ธุรกิจ Investment Banking ที่ให้บริการนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์สถาบัน และธุรกิจวาณิชธนกิจและการลงทุน
“เราจะรับรู้รายได้จากการเป็นที่ปรึกษาดีล BTS ในไตรมาส 2 นี้ โดยยังมีอีกหลายดีลที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งแต่ละดีลมูลค่าเป็นหมื่นล้านบาท ประกอบกับบรรยากาศในตลาดหุ้นก็เอื้อต่อธุรกิจด้วย” นายกฤติยา กล่าว
นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ นักวิเคราะห์ บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับดีล BTS นี้ ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้ค่าธรรมเนียมที่จะบันทึกเข้ามาไตรมาส 2/56 ประมาณ 400-500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึง 28% ของคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/56 และ 6.2% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2556 ของ KK โดยแนวโน้มธุรกิจตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การดำเนินการของ PHATRA
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น