โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
นายบ็อบ กราเซียโน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ)ฟอร์ด ออสเตรเลีย ประกาศแผนการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในออสเตรเลียของบริษัท เมื่อวานนี้ (23 พ.ค.) หลังการเปิดเผยตัวเลขขาดทุนหลังหักภาษีที่ 141 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในปีงบการเงินที่ผ่านมา และขาดทุนรวมแล้ว 600 ดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วง 5 ปีล่าสุด
นายกราเซียโน ระบุว่า การตัดสินใจข้างต้นเป็นผลมาจากการที่ภาคการผลิตท้องถิ่นของออสเตรเลีย กำลังโดนกดดันจากความท้าทายต่างๆ ในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึง การที่ตลาดแตกออกเป็นส่วนเล็กส่วนน้อย และต้นทุนการผลิตที่พุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ ในแต่ละปี ออสเตรเลียมียอดขายรถยนต์ใหม่อยู่ที่ราว 1.1 ล้านคัน และผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อมาก 365 รุ่น จากทั้งหมด 65 แบรนด์ โดยมีโฮลเด้น หน่วยงานย่อยของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) และโตโยต้า เป็นผู้เล่นหลักในตลาดนี้
ซีอีโอฟอร์ด ออสเตรเลีย ระบุว่า สถานการณ์ข้างต้นทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการแข่งขันรุนแรง และหนาแน่นมากสุดในโลก ทั้งเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่แข็งค่าอย่างมาก ยังทำให้เป็นเรื่องยากที่ค่ายรถยนต์ท้องถิ่นจะแข่งขันกับรถยนต์นำเข้าที่มีราคาถูกกว่าได้
การปิดโรงงาน 2 แห่งในนครเมลเบิร์น และเมืองจีลอง ที่อยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ยังจะทำให้เกิดการเลิกจ้างพนักงาน 1,200 คน ภายในเดือนตุลาคม 2559 ด้วย ซึ่งนายกราเซียโน ระบุว่า การดำเนินธุรกิจในออสเตรเลียเป็นไปไม่ได้ต่อไป เพราะต้นทุนการดำเนินงานพุ่งสูงกว่าในยุโรปถึง 2 เท่า และเกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับธุรกิจของฟอร์ดในเอเชีย
ทั้งนี้ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 รายที่ยังอยู่ในออสเตรเลีย นอกจากฟอร์ด แล้ว ยังมีจีเอ็ม และโตโยต้า แต่ทั้ง 3 รายมียอดการผลิตรถยนต์ต่อปีรวมกับแล้วน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนรถยนต์ที่เคยผลิตได้ในช่วงปี 2513
Tags : ฟอร์ด • ออสเตรเลีย
โฆษณาโดย Google
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น