วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ปตท.เสียแชมป์กำไรสูงสุด SCBขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ฟันด์โฟลว์ทยอยเข้าเก็บหุ้นบิ๊กแคป

ปตท.เสียแชมป์กำไรสูงสุด SCBขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ฟันด์โฟลว์ทยอยเข้าเก็บหุ้นบิ๊กแคป

2016-02-25


ไทยพาณิชย์ขึ้นอันดับหนึ่งแทน PTT ครองแชมป์ทำกำไรสูงสุดประจำปี 2558 กว่า  4.7 หมื่นล้าน อันดับสองปูนใหญ่ อันดับสาม กสิกรไทย อันดับสี่ แอดวานซ์ฯ และอันดับห้า BBL ขณะที่ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยเก็บบิ๊กแคปต่อเนื่อง 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการรายงานผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่ประกาศผลกำไรสุทธิกันออกมาครบแล้ว พบว่า บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) หรือ PTT จากเดิมที่เคยมีกำไรสุทธิสูงสุดอันดับหนึ่งของตลาดฯ ในปี 2557 จำนวน 58,677 ล้านบาท แต่ปรากฏว่าในปี 2558 กำไรสุทธิได้ปรับลดลงมาเหลือเพียง 19,936 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง ทำให้ปี 2558 ปตท.ไม่ติดอันดับบริษัททำกำไรสูงสุด 5 อันดับแรก โดยเสียแชมป์ให้กับธนาคารไทยพาณิชย์ไป
สำหรับบจ. ที่ขึ้นมามีกำไรสุทธิสูงสุด  5 อันดับแรกในปี 2558  ได้แก่  อันดับ 1 ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB  กำไรสุทธิ 47,182 ล้านบาท แต่หากเทียบกับปี 2557 กำไรดังกล่าวปรับลดลงจากที่เคยทำได้ 53,334 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2558  SCB ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองพิเศษของ บมจ.สหวิริยาสตีล อินดัสตรี หรือ SSI และ SSI UK กว่า 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทในช่วงไตรมาส 3/58
ส่วนแชมป์กำไรสูงสุด อันดับ 2 คือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC ที่มีกำไรสุทธิ 45,399 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 33,615 ล้านบาท
อันดับ 3 คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK มีกำไรสุทธิ 39,473 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 46,153 ล้านบาท
อันดับ 4 คือ บริษัท บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ที่มีกำไรสุทธิ 39,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 36,033 ล้านบาท
และอันดับ 5 คือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL มีกำไรสุทธิ 34,180 ล้านบาท ลดลงจากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 36,332 ล้านบาท
ขณะที่วานนี้นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก  1,368 ล้านบาท  รวมทั้งสถาบันซื้อสุทธิ 1,072 ล้านบาท โดยนักวิเคราะห์มองว่าฟันด์โฟลว์จะไหลเข้ามาอีกประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท
ด้านบล.ทิสโก้ มองว่า ในเดือนมี.ค. นี้ ต่างชาติน่าจะยังเข้าซื้อในตลาดหุ้นไทยอีกประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสขยับขึ้นได้อีกในช่วงนี้ และในวันนี้ที่คาดว่าตลาดจะเป็นลักษณะแกว่งตัวในช่วงขาขึ้น  โดยมองแนวต้านที่ระดับ 1,345 จุด และแนวรับที่ 1,325 จุด
บล.กสิกรไทย  ยังคงมองว่า ฟันด์โฟลว์ มีโอกาสที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นได้อีก 1.8 หมื่นล้านบาท โดยเป้าหมายหลักในการเข้าซื้อ จะยังคงเป็นบิ๊กแคปใน SET50 ซึ่งในช่วงระยะสั้นนี้จะเห็นการเปลี่ยนกลุ่มเล่นไปที่กลุ่มธนาคารมากขึ้น โดยเฉพาะธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB, ธนาคารกรุงไทย หรือ KTB, ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL  และบมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO
สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ แนะนำกลุ่มแบงก์ Outperform จากการประเมินมูลค่าและสินเชื่อเริ่มคงตัว ดาวน์ไซด์จำกัดจากสินเชื่อที่ฟื้นตัวและราคาที่น่าสนใจ งบดุลในเดือนม.ค. ออกมาตามที่คาด โดยสินเชื่อเริ่มโตขึ้น YoY ด้วยดาวน์ไซด์ที่จำกัดจากการประเมินมูลค่า, กระแสเงินทุนไหลเข้าและการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยของ เฟดส่งผลดีต่อกลุ่มธนาคาร
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงค์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน หรือ MBKET คาดว่าดัชนีฯ สิ้นปีจะอยู่ที่ 1,600-1,650 จุด โดยประเมินมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปีนี้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 10% จากปีก่อนที่ 4.4 หมื่นล้านบาท ปัจจัยบวกจะมาจากโครงการลงทุนของภาครัฐที่จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น