วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

“EPG” ลุ้นกำไร 9 เดือนแรกพุ่งทะลุ 1,000 ล้านบาท โตทะลัก 120% รับข่าวดีงบไตรมาส 3 สุดแกร่งกำไรเหนือ 350 ล้านบาท โบรกฯ ย้ำคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 17 บาท



ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประเมินว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 (ต.ค.-ธ.ค. 58) จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 367 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 148 ล้านบาท แต่จะลดลง 14% จากงวดไตรมาส 2 ที่มีกำไรสุทธิ 424 ล้านบาท
โดยกำไรงวดไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนจะยังเติบโตก้าวกระโดด แต่ถ้าเทียบกับงวดไตรมาส 2 จะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล ซึ่งรายได้ในส่วนธุรกิจ insulation และ พลาสติกสำหรับยานยนต์ได้อ่อนลงเมื่อเทียบรายไตรมาส ยังส่งผลให้รายได้ลดลง 4% จากไตรมาส 2/59 แต่ยังคงเติบโต 31% จากช่วงปีก่อน
สำหรับรายได้จาก insulation ต่ำลง 10% เพราะวันหยุดยาวที่ตลาดสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับรายได้พลาสติกสำหรับยานยนต์ต่ำลง 10% ตามการผลิตของลูกค้ายานยนต์ทั่วโลก แต่สิ่งที่มาช่วยชดเชย คือ รายได้จากธุรกิจ bed-liners สำหรับตลาดภายในประเทศ ที่ดีตามยอดขายรถยนต์ ซึ่งผู้บริโภคเร่งซื้อก่อนมีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตต้นปี 2559 และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ฟื้นตัวขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่ของโรงงานแห่งใหม่
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดลดลงเป็น 34% ต่ำกว่างวดไตรมาส 2 ที่อยู่ระดับ 35% เพราะปริมาณขายที่น้อยลงและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นจากโรงงานแห่งใหม่ แต่อัตรากำไรขั้นต้นยังสูงกว่าช่วงปีก่อนที่ได้จำนวน 26% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาพื้นฐาน 17บาท
ทั้งนี้ ประเมินด้วย P/E ปี 2560 ที่ 25 เท่า สำหรับราคาหุ้นที่ปรับลงถึง 14% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นจังหวะดีในการทยอยสะสมหุ้น EPG ซึ่งราคาหุ้นมีอัพไซด์ ขณะที่ความเสี่ยง คือ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจไทยที่มากกว่าคาดอาจกระทบต่ออุปสงค์ในสินค้า รวมทั้งความผันผวนของราคาต้นทุนวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยน
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/59 ของ EPG จะมีกำไรสุทธิ 370 ล้านบาท ลดลง 12% จากงวดไตรมาส 2/59 ซึ่งผิดไปจากคาดในช่วงก่อนหน้าที่จะมีกำไรนิวไฮได้อีกหนึ่งไตรมาส
โดยไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายโบนัสพนักงานสูงขึ้นกว่าเดิมที่บริษัทเคยตั้งไว้ เนื่องจากกำไรในช่วงที่ผ่านมาทำได้ดีมาก ขณะที่ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/ความเย็น ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง เข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นตามธุรกิจก่อสร้าง จึงฉุดให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยของกลุ่มในไตรมาสนี้ชะลอตัวเล็กน้อย ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกจะเข้าสู่ไฮซีซั่นแต่เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่า จึงชดเชยผลกระทบได้ไม่หมด
อย่างไรก็ตาม ทั้งปี 2559 (เม.ย. 58-มี.ค. 59) ที่คาดไว้ 1,461 ล้านบาท จะเพิ่มขึ้น 132% จากงวดปี 2558 ที่ได้กำไรสุทธิ 629 ล้านบาท เชื่อว่ายังเป็นไปได้ จึงยังคงประมาณการเดิม และยังคงคาดกำไรสุทธิปี 2560 จะขยายตัวได้อีก 13.9% ซึ่งมีแรงหนุนด้วยยอดคำสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ที่เข้ามาเต็มปี
อีกทั้งมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวจากแนวโน้มโลกที่กำลังเปลี่ยนจากรถยนต์นั่งเป็นรถกระบะมากขึ้น ประกอบกับการขยายเครื่องจักรในส่วนของบรรจุภัณฑ์พลาสติก รวมถึงประโยชน์จากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ยังอยู่ในระดับต่ำตามราคาน้ำมันดิบโลก แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 15 บาท
ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกที่ผ่านมา EPG มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้นจำนวน 711  ล้านบาท ดังนั้น หากงวดไตรมาส 3/59 ทางบริษัททำกำไรสุทธิได้จำนวน 350 ล้านบาท ตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ จะส่งผลให้งวด 9 เดือนแรกบริษัทมีกำไรสุทธิรวมขั้นต่ำ 1,000 ล้านบาท เติบโตกว่า 120% เมื่อเทียบกับช่วงปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 449 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น