วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

"ปตท." ลุ้นปรับโครงสร้างราคา NGV วงการเงินประเมิน เพิ่มราคาเอ็นจีวี 1 บาทต่อกิโลกรัม ลดขาดทุนปตท.กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ราคาหุ้นวิ่งทะยานรับข่าวดี ทำนิวไฮรอบ 14 เดือน มาร์เก็ตแคปพุ่งวันเดียว 3.9 หมื่นล้านบาท

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: PTTลุ้นขึ้นเอ็นจีวี1บาท
ลดขาดทุนปีละ3พันล้าน

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 10 กันยายน 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
"ปตท." ลุ้นปรับโครงสร้างราคา NGV วงการเงินประเมิน เพิ่มราคาเอ็นจีวี 1 บาทต่อกิโลกรัม ลดขาดทุนปตท.กว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี ราคาหุ้นวิ่งทะยานรับข่าวดี ทำนิวไฮรอบ 14 เดือน มาร์เก็ตแคปพุ่งวันเดียว 3.9 หมื่นล้านบาท



นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จํากัด (มหาชน) ประเมินว่า หากภาครัฐมีการปรับราคา NGV เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีภาระขาดทุนลดลง โดยปกติแล้วทาง PTT ต้องแบกรับขาดทุนจากธุรกิจของ NGV ตกปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท

โดยในเบื้องต้นหากมีการปรับเพิ่มราคา NGV สูงขึ้นประมาณ 3 บาทต่อกิโลกรัม จะส่งผลให้ PTT มีผลขาดทุนลดลงประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี แต่หากเพิ่มขึ้น 6 บาท จะส่งผลให้ PTT มีขาดทุนลดลง 20,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเท่ากับทางปตท.จะไม่ต้องแบกรับผลขาดทุนจากธุรกิจ NGV ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังประเมินอีกว่า หากมีการปรับเพิ่มราคา NGV สูงขึ้น จะถือเป็นปัจจัยช่วยดึงดูดให้ PTT กลับมาขยายสถานีบริการ NGV อีกครั้ง หลังจากในปัจจุบันทางปตท.ไม่ได้ขยายสถานีบริการ เพราะจะทำให้รับภาระขาดทุนมากขึ้น ดังนั้น หากประเด็นปรับโครงสร้างราคา NGV และ LPG มีความชัดเจนออกมา ทางฝ่ายวิเคราะห์อาจจะมีการรีวิวหุ้น PTT ใหม่อีกครั้ง

สำหรับราคาหุ้น PTT ในช่วงวานนี้ (9 ก.ย.) ที่ได้รับแรงซื้อเข้ามาจนผลักดันราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดว่า ทางนักลงทุนต่างชาติได้เข้ามาเก็บหุ้นพลังงาน หลังจากในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานยังไม่มีการเคลื่อนไหวมากนัก ประกอบกับหุ้น PTT ยังมี P/E เพียงแค่ 9 เท่า

ขณะที่แหล่งข่าวจากวงการเงิน ประเมินว่า ราคาหุ้นของ PTT ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงสวนภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงวานนี้ เป็นเพราะภาพรวมของตลาดมองเชิงบวกต่อกรณี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เห็นชอบหลักการการปรับโครงสร้างราคา NGV และ LPG

โดยในเบื้องต้นประเมินว่า หากมีการปรับเพิ่มราคา NGV ขึ้นประมาณ 1 บาทต่อกิโลกรัม จะส่งผลให้ทาง PTT มีขาดทุนธุรกิจ NGV ลดลงประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งหากปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3 บาทต่อกิโลกรัมจะช่วยให้บริษัทมีขาดทุนลดลงไปเกือบ 10,000 ล้านบาท

ดังนั้น ประเด็นเรื่องการปรับโครงสร้างราคา NGV และ LPG จึงถือเป็นเรื่องเชิงบวกของหุ้น PTT เพราะจะส่งผลบวกต่อทั้งตัวผลการดำเนินงานรายไตรมาสและภาพรวมทั้งปีจะมีทิศทางดีขึ้น เนื่องจากในแต่ละปีทางปตท.ต้องรับภาระขาดทุน NGV ปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยออกมาตกไตรมาสละ 4,000-5,000 ล้านบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ประเมินว่า การปรับขึ้นราคา NGV และLPG เป็นไปตามที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดไว้ เนื่องจากราคาปัจจุบันมีความเหลื่อมล้ำด้านโครงสร้างราคา และไม่สะท้อนราคาตลาดโลก ซึ่งมองว่า ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปรับโครงสร้างพลังงานไทยเพื่อให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง นอกจากนี้ ยังเป็นการลดภาระขาดทุนของกองทุนน้ำมันและเงินอุดหนุนจากน้ำมันเบนซินในระยะยาว

โดยมองว่า PTT จะไม่ได้รับผลกระทบ ในกรณี base case ที่กองทุนน้ำมันไม่ได้ bypass รายได้ส่วนเพิ่มไปยัง PTT เนื่องจากปัจจุบันกองทุนน้ำมันยังมีฐานะขาดทุน แต่ในกรณี Best case ที่รายได้ส่วนเพิ่มจากการปรับราคา bypass ทั้งหมดไปยัง PTT จะส่งผลให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น ราว 4.4 พันล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น EPS 1.57 บาทต่อหุ้น

อีกทั้ง ส่งผลบวกต่อราคาเป้าหมายอีกประมาณ 10.34 บาทต่อหุ้น ภายใต้สมมติฐาน ปริมาณใช้ LPG ต่อ NGV 2.4 ล้านตัน และ 2 ล้านตันต่อปี และ WACC ที่ 12% ในระยะยาว คาดว่า PTT จะมีผลขาดทุน LPG และNGV ลดลง หากการปฏิรูปพลังงานสะท้อนราคาตลาดโลกอย่างแท้จริง และไม่มีการบิดเบือนด้านโครงสร้างราคา

ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น PTT ในช่วงวานนี้ปิดการซื้อขายอยู่ที่ 348 บาท ปรับเพิ่มขึ้นไป 14 บาท หรือคิดเป็น 4.19% เมื่อเทียบกับราคาปิดก่อนหน้า นอกจากนี้ ราคาปิดที่ 348 บาท ยังถือเป็นราคาสูงสุดของวันและเป็นจุดนิวไฮในรอบ 14 เดือน และยังส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มเป็น 9.93 แสนล้านบาท เท่ากับมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นภายในวันเดียวถึง 3.9 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคปงวดวันที่ 8 ก.ย. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 9.54 แสนล้านบาท

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น