วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

JASผวาหนี้เก่าตามหลอน โบรกฯมองแก้งบใหม่ฉุดปันผล แนะหลีกเลี่ยง

JASผวาหนี้เก่าตามหลอน ** โบรกฯมองแก้งบใหม่ฉุดปันผล แนะหลีกเลี่ยง โบรกฯสั่งหลีกเลี่ยง JAS ความเสี่ยงเพียบ หลัง ก.ล.ต.แจ้งแก้ไขงบปี 56 และ 2Q57 ให้บันทึกหนี้ที่อาจจะถูกฟ้องร้องลงในงบ หลังศาลฯกลับคำพิพากษาแผนฟื้นฟูกิจการ ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องหนี้กับบริษัทเหมือนเดิม ด้าน" เคเคเทรด" มองผลกระทบทำให้กำไรลดลง และอาจกระทบการจ่ายปันผล ฟาก "ทรีนีตี้" ชี้ หาก JAS ตั้งสำรองหนี้ทั้งจำนวนราว 1.6 พันลบ. จะกระทบต่อราคาหุ้น 3.3 บาท ขณะที่ "ธนชาต" ยังแนะถือ ให้ราคาเป้าหมาย 6.8 บาทต่อหุ้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แจ้งให้บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS แก้ไขงบการเงินงวด ปี 2556 และงวดไตรมาส 2/2557 หลังศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลล้มละลายกลาง โดยพิพากษาไม่เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและให้ยกเลิกคาสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของ JAS ซึ่ง JAS เปิดเผยในหมายเหตุประกอบงบการเงินงวดไตรมาส 3/2556 ว่าคำพิพากษาดังกล่าวมีผลทำให้สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ที่มีต่อ JAS ในฐานะลูกหนี้ กลับไปเป็นเช่นเดิมดังที่เป็นอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ อย่างไรก็ตาม JAS ยังไม่ได้บันทึกหนี้สินดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่ายังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะประมาณหนี้สินที่ต้องบันทึกเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสม  การที่ JAS ยังไม่ได้บันทึกหนี้สิน ทำให้งบการเงินดังกล่าวไม่ถูกต้องตามมาตรฐานการบัญชี ก.ล.ต. จึงแจ้งให้ JAS แก้ไขงบการเงินดังกล่าว โดยให้บันทึกภาระหนี้สินจากคำพิพากษาของศาลฎีกาตามประมาณการที่ดีที่สุดของรายจ่ายที่คาดว่าจะต้องชำระภาระผูกพัน ซึ่งคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น มูลหนี้เดิมที่เคยถูกปลดหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ สิทธิเรียกร้องในดอกเบี้ย และอายุความของคดี เป็นต้น และนำส่งงบการเงินฉบับแก้ไขที่ผ่านการตรวจสอบ/สอบทานโดยผู้สอบบัญชีแล้วต่อ ก.ล.ต. พร้อมทั้งเปิดเผยต่อสาธารณชนภายในวันที่ 27 ตุลาคม 2557 * โบรกฯแนะหลีกเลี่ยง JAS ความเสี่ยงเพียบ บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า หากรวมหนี้ 4 แบงก์ยื่นฟ้อง 1.64 พันล้านบาทและดอกเบี้ยสะสม 10 ปี จะทำให้อัตราส่วน D/E สิ้นงวดปี 2013 และ 2Q14 เพิ่มเป็น 1.1 เท่า จากเดิม 0.8 เท่า แต่ต้องรอดูรายละเอียดงบฯ ปรับปรุง ภายในวันที่ 27 ต.ค.นี้ อีกครั้ง เรายังคงแนะนำ หลีกเลี่ยง/ขาย นอกจากนี้ Jas ยังมีความเสี่ยงในคดีที่ TT&T ยื่นฟ้องศาลให้บ.ย่อยของ JAS ขายหุ้นที่ถืออยู่ใน TTTBB คืนแก่ผู้ถือหุ้น TT&T 70% ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการไต่สวนของศาล ทั้งนี้ตลท.จะขึ้นเครื่องหมาย SP, NP JAS ในวันนี้ ให้ผู้ถือหุ้นศึกษาข้อมูล และเปิดให้ซื้อขายอีกครั้งในวันจันทร์ ด้านบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุว่า ภาระหนี้ผูกผันที่อาจเกิดขึ้น (โดยให้เวลาถึง 27 ตค.) จากการปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่านมาราว 1.18 หมื่นล้านบาท (ยังไม่รวมดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นราว 1 พันล้านบาท ตั้งแต่ปี 2003) แนะนำ หลีกเลี่ยง * บล.เคเคเทรด มองอาจกระทบการจ่ายเงินปันผล บทวิเคราะห์ บล.เคเคเทรด ระบุว่า ประเด็นลบใหม่ที่กดดันราคาหุ้น ข่าวนี้จะทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลผลกระทบกรณีบริษัทต้องตั้งสำรองหนี้ในงบการเงิน เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะบันทึกภาระหนี้สินเพิ่มเติม (ไม่รวมดอกเบี้ย) จำนวนไม่เกิน 1,343 ล้านบาท (คิดเป็นผลกระทบ 0.19 บาท/หุ้น) ตามที่ประเมินไว้และไม่มีการประเมินใหม่หลังมีเจ้าหนี้ 4 รายเรียกร้องให้ชำระหนี้เกินกว่าที่ประเมิน    เสี่ยงต่อกำไรสะสมติดลบ และกระทบการจ่ายเงินปันผลปีนี้ เราประเมินกรณี JAS ตั้งสำรองหนี้ 1,343 ล้านบาท ในงบการเงิน จะกระทบกำไรสุทธิปี 2556 (งบรวม) ลดลง 45% จาก 3,003 ล้านบาท เหลือ 1,660 ล้านบาท ในด้านงบดุลจะทำให้กำไรสะสมปี 2556 (งบเดี่ยว) ลดลง 58% จาก 2,319 ล้านบาท เหลือ 976 ล้านบาท และกำไรสะสมงวด มิ.ย.57 จะติดลบราว 300 ล้านบาท ซึ่งกระทบความสามารถในการจ่ายเงินปันผล อย่างไรก็ตามใน 2H57 เราคาดว่าผลประกอบการของ JAS จะมีกำไรราว 1,700 - 1,800 ล้านบาท (ดีกว่าประมาณการปัจจุบัน 5-8%) ช่วยให้กำไรสะสมงบเดี่ยวจะกลับมาเป็นบวกราว 1,400 - 1,500 ล้านบาท ทั้งนี้ฐานกำไรสะสมที่ค่อนข้างต่ำ ทำให้เราคาดว่าบริษัทจ่ายเงินปันผลได้ไม่เกินหุ้นละ 0.10 บาท (ประมาณการปีนี้คาดเงินปันผลหุ้นละ 0.28 บาท) หรือกรณีแย่สุด JAS อาจตัดสินใจงดจ่ายเงินปันผลปีนี้    ความกังวลต่อการจ่ายเงินปันผลปีนี้กดดันราคา แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน เรามองว่าระยะสั้นราคาหุ้น JAS จะถูกกดดันจากประเด็นนี้ ขณะที่ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นรายการทางบัญชีและไม่กระทบเงินสด ส่วนประเด็น IFF เรามองว่าการที่ ก.ล.ต. สั่งให้บริษัทแก้ไขงบการเงินจะไม่เป็นเหตุให้จัดตั้ง IFF เร็วขึ้น เนื่องจากเราเชื่อว่ายังมีอุปสรรคจากคดี TT&T ฟ้อง ACU (ถือหุ้น 99.2% ใน TTT BB) ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล อีกทั้งสัปดาห์หน้า (3 ต.ค.) ศาลนัดไตร่สวนพยานกรณี TT&T ยื่นขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาคดีที่ฟ้อง TTT BB เมื่อ 29 พ.ย.2556 โดยประมาณการของเรายังไม่รวม IFF *ทรีนีตี้ ชี้หาก JAS ตั้งสำรองหนี้ทั้งจำนวนราว 1.6 พันลบ. กระทบราคาหุ้น 3.3 บาท บทวิเคราะห์ บล. ทรีนีตี้ ระบุว่า จากการที่ JAS จะต้องแก้ไขงบการเงินให้ถูกต้องนั้นจะส่งผลกระทบต่องบการเงินของบริษัทโดยตรง โดยบริษัทจะต้องมีการตั้งสำรองสำหรับหนี้ให้อนาคตที่จะเกิดขึ้นจากการกลับคำพิพากษาของศาลล้มละลายกลาง ซึ่งจากรายงานได้มีเจ้าหนี้รวมทั้งสิ้น 4 รายยื่นฟ้องได้แก่ ธนาคารเมกะสากลพาณิชย์ จำกัด, ชินฮานแบงค์, ธนาคารซูมิโตโมมิตซุย แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น และบริษัท บริหารสินทรัพย์ไทย (เอ) จำกัด เป็นโจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้บริษัทชำระหนี้ตามสัญญาให้กู้ยืมเป็นเงินจำนวน 108 ล้านบาท, 418 ล้านบาท, 3.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1,211.4 ล้านเยนญี่ปุ่น, 13.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 524.4 ล้านเยนญี่ปุ่น ตามลำดับ หรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,600 ล้านบาท ดังนั้นในกรณีที่ JAS จะต้องทำการตั้งสำรองทั้งจำนวนบริษัทจะต้องบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายลงในงบกำไรขาดทุน ซึ่งจะทำให้กำไรต่อหุ้นหายไปประมาณ 0.22 บาทต่อหุ้น (กำไรสุทธิต่อหุ้นงวด 6 เดือน 2557 อยู่ที่ 0.24 บาทต่อหุ้น และงวดปี 2556 อยู่ที่ 0.42 บาทต่อหุ้น) ถ้าคิดถึงผลกระทบต่อราคาหุ้นอิง PE ปัจจุบันที่ 15 เท่า จะคิดเป็นผลกระทบต่อราคา 3.3 บาท ในกรณีที่บริษัทตั้งสำรองทั้งจำนวน *โนมูระ พัฒนสิน คาดกำไรสะสมจะพลิกติดลบตั้งแต่ 311-1,943 ลบ. บทวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า เรามีมุมมอง Negative ต่อการที่ก.ล.ต.สั่งให้ JAS แก้ไขงบการเงินปี 13 และ 1H14 ใหม่ เพื่อให้สะท้อนความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นหลังศาลฎีกามีคำตัดสินไม่เห็นชอบการฟื้นฟูกิจการในอดีตตั้งแต่ 3Q13 โดยหากอ้างอิงจากมูลค่าหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นตามที่ JAS ประเมินไม่เกิน 1,343 ล้านบาท เราประเมินมูลค่าความเสียหายที่ JAS จะต้องตั้งสำรองในงบการเงินตั้งแต่ 1,343 ล้านบาทจนถึง 2,976 ล้านบาท (กรณีที่รวมอัตราดอกเบี้ย 7.5%/ปี) ทำให้เราคาดกำไรสะสมของงบเดี่ยว ณ สิ้น 1H14 หลังปรับปรุงจะพลิกติดลบตั้งแต่ -311-1,943 ล้านบาทจากปัจจุบันที่ +1,032 ล้านบาท สร้างแรงกดดันต่อเนื่องต่อความสามารถในการจ่ายปันผลปี 14 ลดลงตั้งแต่ -0.1-0.30 บาท/หุ้น (Dividend yield ~ 1.4-4.2%) จากปัจจุบันที่ 0.3 บาท/หุ้น แม้การบันทึกตั้งสำรองหนี้ข้างต้นจะเป็นเพียงรายการทางบัญชีและยังไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของ JAS อย่างไรก็ตาม Downside risk ในระยะยาวที่มีสูงต่อราคาเป้าหมายปี 15F ที่ 10.4 บาททั้งจากกรณีที่หากแพ้ i) คดีการขอสิทธิ์ในการซื้อหุ้น TTT BB ที่เราคาดกว่า 0.5-6.1 บาท/หุ้น และ ii) คดีเจ้าหนี้เรียกชำระหนี้จากการฟื้นฟูกิจการคืนที่เราคาดมีความเสียหายตั้งแต่ 0.2-2.6บาท/หุ้น ดังนั้น เราจึงแนะนำ ”เปลี่ยนตัวเล่น” ไปหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม ICT ก่อนอย่าง THCOM (BUY,TP15F ที่ 52.75 บาท) ที่เราเลือกเป็น Toppick ของกลุ่ม ICT ที่ไม่ใช่มือถือ * ธนชาต ยังแนะถือ ให้ราคาเป้าหมาย 6.8 บาทต่อหุ้น บทวิเคราะห์ บล. ธนชาต ระบุว่า JAS จะต้องตั้งสำรองสำหรับภาระหนี้ที่อาจเกิดขึ้นที่เชื่อมโยงกับคดีในศาลเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งได้รับการอนุมัติจากแผนฟื้นฟูกิจการ นั่นหมายความว่าหนี้ที่ได้รับการลดหนี้ของบริษัทฯ ในช่วงแผนฟื้นฟูตลอด 10 ปีที่ผ่านมาถูกยกเลิก นี่เป็นข่าวเชิงลบสำหรับ JAS แต่เป็นเพียงกระบวนการทางบัญชี ซึ่งกำไรของบริษัทฯ ปี 2013และ 1H14 จะต้องถูกปรับลง แต่เรามองว่า ไม่ใช่ข่าวใหญ่ เพราะตลาดรู้โอกาสที่จะเกิดภาระผูกพันจากกรณีศาลตั้งแต่ปีที่แล้ว สำหรับเรา คาดการณ์กำไรปี 2014F ของเราจะถูกปรับลง แต่ราคาเป้าหมายของเรารวมปัจจัยดังกล่าวแล้ว แม้ JAS คาดว่าจะมีหนี้ผูกพันเพียง 1.3 พันลบ. แต่เราได้อนุรักษ์นิยมรวมปัจจัยดังกล่าวในประมาณณการของเราที่ภาระผูกพันมูลหนี้สูงสุด 7.7 พันลบ. ซึ่งอ้างอิงจากการลดมูลหนี้สูงสุดบวกค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย หรือที่ราคาหุ้น JAS 1.1 บาท/หุ้น ซึ่งเราได้หักออกจากราคาเป้าหมาย DCF ของเราแล้ว สำหรับผลกระทบต่อกำไร เราคาดว่าการตั้งสำรองส่วนใหญ่จะอยู่ในงบปี 2013 เพราะคดีศาลออกมาในปีที่แล้ว ในขณะที่งบ 1H14 จะเห็นผลกระทบน้อยมาก ดังนั้น เราคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประมาณการปี 2014F เพียงเล็กน้อย และไม่มี ผลกระทบต่อคาดการณ์ของเราในปีถัดๆไป แม้ว่าเราคาดการณ์ที่จะเห็นการเติบโตของธุรกิจปัจจุบันของ JAS แต่ด้วยความเสี่ยงจากกรณีคดี TTTBB และภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้น เราจึงยังคงแนะนำ “ถือ” JAS ที่ราคาเป้าหมาย DCF 6.8 บาทต่อหุ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น