วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

เดี๋ยวนี้ตุลาการศาลก็กลายเป็นตัวตลกไปกับเขาด้วยแล้ว       

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ยิ่งเดินยิ่งติดกับดักตัวเอง

คอลัมน์ วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2557
ผู้เข้าชม : 12 คน
การเมืองไทยกำลังกลายเป็นที่ตลกขบขันในสายตาชาวโลกเข้าไปทุกวัน

ทหารตลก นักการเมืองตลกก็ยังพอทำเนา แต่เดี๋ยวนี้ตุลาการศาลก็กลายเป็นตัวตลกไปกับเขาด้วยแล้ว

น.ส.พ.เจแปน ไทม์ วิพากษ์วิจารณ์การทำงานขององค์กรตุลาการ และองค์กรอิสระของไทยอย่างหนัก ที่พาประเทศเข้าไปสู่จุดอับ ส่วนยูทูบชื่อดังของไต้หวัน นำเรื่องการพิจารณาในศาลไทยมาเสียดสีเป็นละครสัตว์อย่างสนุกสนาน

เขาบอกว่ากลุ่มคนชั้นสูง สู้ไม่ได้ทางการเมือง ก็เลยใช้อำนาจทางกฎหมายเข้าห้ำหั่นศัตรูทางการเมืองจนเกิดวิกฤตบ้านเมืองอย่างน่าสมเพช

วันนี้ มาประหัตประหารพรรคการเมือง ยื้อไม่ยอมให้มีการจัดการเลือกตั้ง ก็มีคำถามย้อนกลับไปว่า ก็รัฐธรรมนูญปี 50 ที่กลุ่มก้อนสนับสนุนการรัฐประหารปี 49 เป็นผู้ร่างมากับมือไม่ใช่หรือ

ร่างกันแบบ เอารูปทักษิณมาตั้งเป็นโจทย์ใหญ่ แล้วก็ใส่รายละเอียดเป็นบทบัญญัติขึ้นมา เพื่อป้องกันทักษิณและพรรคการเมืองของเขา หวนคืนสู่อำนาจทุกทาง แต่แล้วก็กีดกันทักษิณไม่อยู่

พอพ่ายแพ้แล้ว แทนที่จะรู้สำนึกว่า ขนาดกีดกันกันถึงขนาดนี้แล้ว ยังเอาชนะไม่ได้ ก็ดันทุรังจะหาวิธีการอื่นอีก ถึงกับทุบทำลายกฎกติกาที่ตัวเองเป็นผู้สร้างขึ้นมา

ขอทดลองสูตรทำลายสูตรใหม่อีก โดยไม่คำนึงถึงต้นทุนประเทศจะพินาศฉิบหายเพียงใด

แต่ก็น่าผิดหวัง! ตะแบงกันมาทุกทางเพื่อไล่ต้อนบ้านเมืองให้เข้าสู่จุดอับให้ได้ แต่ 6 เดือนเข้าไปแล้ว ก็ทำได้แค่นี้แหละ...ยังไม่สามารถจะเผด็จศึกให้สะเด็ดน้ำได้

หวังทหารออกมาเผด็จศึก ทหารก็ไม่ออกมา

หวังให้ตุลาการศาลฯ องค์กรอิสระสถาปนา นายกรัฐมนตรีมาตรา 7 ให้ มันก็ทำได้แค่บางส่วนเท่านั้น

จะให้เกิดสัมฤทธิผลดังหวังเต็มร้อย ก็เป็นเรื่องจะต้องตะแบงกันไปไกลเกิน และยิ่งจะเป็นการประจานความอับอายตัวเองให้ชาวโลกได้ประจักษ์ถึงกระบวนการยุติธรรมไทยเข้าไปอีกเสียด้วย

ยิ่งเดินก็ยิ่งสะเปะสะปะ ออกนอกลู่นอกทางไปทุกที และก็ต้องค้นหาเป้าหมายใหม่ๆ อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า

จากที่เคยหวังว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะใช้หมัดเด็ดสอยยิ่งลักษณ์กรณีถวิล เปลี่ยนศรี และจะส่งผลให้คณะรัฐมนตรีรักษาการพ้นไปทั้งคณะ

แต่เอาเข้าจริงแล้ว ศาลฯก็สั่งยิ่งลักษณ์ให้พ้นจากอำนาจไปเป็นการเฉพาะตัวเท่านั้น ครม.ที่เหลือต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

นั่นก็แสดงว่า สุญญากาศไม่เกิด นายกรัฐมนตรีตามมาตรา 7 จากคนนอก รวมทั้งสภาเถื่อนนอกระบบ ไม่มีทางยัดเยียดเข้ามาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้

คำตัดสินเยี่ยงนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของฝ่ายก่อม็อบที่ต้องคลำหาเป้าหมายใหม่ เพื่อต่อสู้เอาชัยให้ได้

หมดที่พึ่งจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ก็มาหวังเอากับวุฒิสภา

วุฒิสภายังไม่มีตัวประธาน ก็ใช้วิธีการ “ลักหลับ” ลงมติให้มีการเลือกประธานวุฒิฯจนได้ อันเป็น “วาระส่วนเกิน”จากพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญที่ไม่เคยมีธรรมเนียมมาก่อน

ครั้นได้ตัวประธานวุฒิสภามาแล้ว กปปส.ที่เป็นพวกเดียวกัน ก็พยายามเคี่ยวเข็ญประธานวุฒิสภาให้ลงนามทูลเกล้าฯเสนอชื่อแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลางให้จงได้

มันก็เป็นการย้อนแย้งกับคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ ที่ให้คณะรัฐมนตรีรักษาการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้

ประการสำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราไหนเลยให้อำนาจประธานวุฒิสภาเป็นผู้ลงนามทูลเกล้าฯเสนอแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี รวมทั้งเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อำนาจนั้นเป็นของประธานรัฐสภา นั่นก็คือ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่ขณะนี้ก็ยังไม่มีตัวประธานสภาฯ แม้กระทั่งการจัดเลือกตั้งส.ส.

หรือแม้กระทั่งตัวประวุฒิสภาในเวลานี้ ก็ยังมีสถานะเป็นแค่ว่าที่ประธานเท่านั้น เพราะยังไม่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งออกมาเลย

ตะแบงยังไงก็ล้วนแล้วแต่จะติดกับดักตนเองทั้งนั้น ผมว่าศึกชิงชัยในบ้านเมือง ใกล้จะถึงจุดรูดม่านปิดฉากแล้วล่ะ

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น