สตง.ลักไก่ทุบหุ้นPTT
ท้าทายศาลปกครองฯ
ปตท.ย้ำคืนท่อส่งก๊าซให้คลังครบถ้วนแล้ว
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2557 ผู้เข้าชม : 13 คน
สตง.ทุบหุ้น ปตท. หยิบเรื่องเก่าตีความใหม่ ท้าท้ายคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ฟาก PTT ย้ำคืนท่อส่งก๊าซธรรมชาติให้กระทรวงการคลังครบตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดแล้ว พร้อมรอดูความเห็นกฤษฎีกาตีความ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ตีความคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับการแบ่งแยกทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT) ให้กับกระทรวงการคลัง ได้ส่งผลให้ราคาหุ้น PTT ในช่วงวานนี้ (19 พ.ย.) เคลื่อนไหวอย่างผันผวนตลอดการซื้อขายทั้งวัน
โดยหลังจากมีรายงานข่าวตั้งแต่ช่วงภาคเช้าและทางนักวิเคราะห์ได้ประเมินผลกระทบต่อหุ้น PTT โดยทำราคาเปิดที่ 389 บาท จากนั้นราคาหุ้นได้ทยอยปรับตัวลดลงและเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 386-388 บาท ตลอดทั้งวัน และปิดตลาดที่ 386 บาท ปรับลดลง 1 บาท หรือคิดเป็นลดลง 0.26% เมื่อเทียบราคาปิดก่อนหน้า มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 1,067 ล้านบาท
ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยกับ "ข่าวหุ้นธุรกิจ" ทางบริษัทยืนยันได้ดำเนินการส่งคืนทรัพย์สินท่อก๊าซธรรมชาติให้แก่กระทรวงการคลังตามเงื่อนไขในคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดครบถ้วนแล้ว และอยู่ในระหว่างรอติดตามความชัดเจนจากความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาอีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นทาง PTT ได้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมไว้แล้วเช่นกัน
“ทาง PTT เองก็ได้ยึดตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ดังนั้น คงต้องรอดูในส่วนของความเห็นของทางกฤษฎีกาว่าจะเป็นเช่นไร แต่ทางเราเองก็ได้มีการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมควบคู่ไว้ด้วยแล้ว”แหล่งข่าวกล่าว
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า ในเบื้องต้นหากเกิดกรณีเลวร้าย คือคณะกรรมการกฤษฎีกรับเรื่องจาก สตง. และพิจารณาให้ PTT แบ่งแยกท่อก๊าซทั้งบนบกและในทะเลที่ PTT ไม่ได้แบ่งแยกครั้งก่อนและส่งมอบให้กระทรวงการคลังอีกมูลค่าราว 3.3 หมื่นล้านบาท ตามที่ สตง.ยื่นเรื่อง จะส่งผลให้ PTT ต้องจ่ายค่าเช่าต่อปีเพิ่มราว 500-1,500 ล้านบาท
อีกทั้ง รวมถึง PTT จะต้องจ่ายค่าเช่าย้อนหลังพร้อมค่าปรับและดอกเบี้ยราว 6 พันล้านบาท ภายใต้สมมติฐานอ้างอิงอัตรากรอบค่าเช่าที่ทางกระทรวงการคลังสรุปให้ชำระตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในครั้งก่อนหน้า ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปรับลดลงราว 10-15 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยยังคงเชื่อมั่นต่อพื้นฐานปีหน้าของ PTT โดยประเมินมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2558 (DCF) เท่ากับ 405 บาทต่อหุ้น แนะนำเข้าซื้อลงทุนเมื่อราคาอ่อนตัว เนื่องจากราคาหุ้นในระยะสั้นอาจถูกกดดันจากประเด็นดังกล่าวจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่มูลค่าพื้นฐานของ PTT ยังคงมีอัพไซด์จากการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน รวมถึงการบันทึกกำไรพิเศษจากบริษัทลูก เช่น BCP, SPRC และ GPSC
ส่วนประเด็นคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับท่อส่งก๊าซ ในช่วงก่อนหน้าได้มีการคัดค้านจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ที่มีการยื่นคำร้องต่อทั้งศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองกลาง แต่ศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้อง เนื่องจากศาลปกครองสูงสุดได้มีบันทึกในคำร้องรายงานสรุปว่า PTT ดำเนินการโอนทรัพย์สินทั้งหมดตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2551
โดยในรอบนี้นับเป็นอีกครั้งที่มียื่นให้มีการตีความคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดใหม่ผ่านทาง สตง.ซึ่งตามแนวทางของ ครม.กำหนดไว้ว่า กรณีที่มีข้อโต้แย้งด้านกฎหมายเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาศาลให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเป็นผู้พิจารณาเพื่อหาข้อยุติ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใส ดังนั้นยังคงต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการกฤษฎีกาสำหรับประเด็นนี้
ขณะที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ระบุในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ตีความคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดเกี่ยวกับการแบ่งแยกทรัพย์สินของการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยให้กับกระทรวงการคลัง
โดย สตง.ยืนยันความเห็นว่าท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเล ควรจะมีการโอนคืนให้กระทรวงการคลังด้วย เนื่องจากมองว่าท่อส่งก๊าซ และสิ่งปลูกสร้างในทะเล ไม่ใช่สิ่งที่เอกชนรายใดก็สามารถทำได้ ต้องอาศัยอำนาจรัฐเพื่ออนุมัติให้สิทธิ หรือสัมปทานถึงจะวางท่อได้
อีกทั้ง จากผลการตรวจสอบของ สตง. พบว่า ทรัพย์สินที่ ปตท. แบ่งแยกให้กระทรวงการคลัง มูลค่ารวม 16,176 ล้านบาท เป็นแนวท่อเฉพาะที่อยู่บนบกเท่านั้น ยังมีแนวท่อก๊าซทั้งบนบกและในทะเลที่ ปตท. ยังไม่ได้แบ่งแยก และส่งมอบให้กระทรวงการคลัง รวมมูลค่า 32,613 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น