“พุ่มพันธุ์ม่วง”ฮุบMLINK
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 05 พฤศจิกายน 2557 “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ส่งลูกสาวเข้าเทกโอเวอร์กิจการ MLINK หลังเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 150 ล้านหุ้น กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 7.90% พ่วงด้วยขาใหญ่ “สุรพงษ์ เตรียมชาญชัย” ร่วมถือหุ้น 6.32% ผู้บริหารระบุใช้เงินเพิ่มทุน 1,350 ล้านบาท จ่ายคืนหนี้ระยะสั้นธนาคาร 2 แห่ง 600 ล้านบาท ที่เหลือใช้ขยายลงทุนและแตกไลน์ธุรกิจอื่นๆ เพิ่ม
นายพิเชษฐ์ บุญยภักดี กรรมการผู้จัดการ สายบัญชีและการเงิน บริษัท เอ็มลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MLINK แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า วานนี้ (3 พ.ย.) คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนโดยออกหุ้นใหม่ไม่เกิน 1,470 ล้านหุ้น (พาร์หุ้นละ 1 บาท) จัดสรรให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 1,250 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1 บาท
ประกอบด้วย 1)นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง 2)นายวรรธนะ เจริญนวรัตน์ 3)นายชาญวิทย์ บรรณสารตระกูล 4)นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย 5)นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล 6)นายสุธี ลัคนสุทิน 7)นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย 8)นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ 9)นายมานิต มัสยวาณิช 10)นายณัฐพงษ์ จันทเวทย์ศิริ 11)นางสาวรัตนา เปรมศิลป์
พร้อมกันนี้จัดสรรหุ้นใหม่ 108 ล้านหุ้น ให้ผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1 บาท ส่วนหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือ 108 ล้านหุ้น เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (MLINK-W1) ที่จัดสรรให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนสัดส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอร์แรนต์ โดย MLINK-W1 มีอายุ 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้น ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 4 บาท
โดยราคาเสนอขายให้ PP หุ้นละ 1 บาท เนื่องจากเป็นราคาที่เกิดจากการเจรจาระหว่างบริษัทกับนักลงทุน อีกทั้งเป็นราคาที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีล่าสุด (30 มิ.ย. 57) ที่มีมูลค่า 0.29 บาท และสูงกว่ามูลค่าสิ้นปี 2556 ที่ 0.40 บาท
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุนและการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม (จำนวนรวม 1,358.00 ล้านบาท ไม่รวมเงินที่จะได้รับจากการซื้อหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิในการซื้อหุ้นของใบสำคัญแสดงสิทธิ) เพื่อชำระหนี้ระยะสั้นเจ้าหนี้สถาบันการเงินประมาณ 600 ล้านบาท โดยหนี้สินระยะสั้นนี้เกิดจากการกู้ยืมเงินบริษัทแก่เจ้าหนี้สถาบันการเงิน 2 แห่ง โดยชำระหนี้ภายในไตรมาส 1 ปี 2558
พร้อมกันนี้เพื่อขยายธุรกิจเดิมประมาณ 400 ล้านบาท โดยการขยายสาขาเพิ่มเติมและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท คาดว่าจะใช้เงินเพิ่มทุนภายใน 12 เดือนนับจากวันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนครั้งนี้ และเพื่อขยายธุรกิจไปยังธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพการสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างต่อเนื่องประมาณ 358 ล้านบาท
นอกจากนี้ บอร์ดมีมติโอนทุนสำรองจากการจัดสรรตามกฎหมาย และทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้น (ส่วนเกินมูลค่าหุ้น) เพื่อล้างผลขาดทุนสะสม โดยโอนทุนสำรองจากการจัดสรรตามกฎหมาย 54 ล้านบาท และโอนทุนสำรองส่วนล้ำมูลค่าหุ้น (ส่วนเกินมูลค่าหุ้น) จำนวน 494 ล้านบาท เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมบริษัท 548 ล้านบาท โดยหลังจากโอนทุนสำรองดังกล่าว เพื่อชดเชยผลขาดทุนสะสมแล้วทำให้บริษัทมียอดขาดทุนสะสมเหลืออยู่ 385.14 ล้านบาท
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น