Amazing Japan
Amazing japan : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Amazing japan : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
]ผมเพิ่งกลับจากการเที่ยวเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็ทำให้ผมได้ความรู้และความเข้าใจในประเทศและคนญี่ปุ่นมากขึ้น ว่าที่จริง ผมเองไปเยี่ยมเยือนญี่ปุ่นมาหลายครั้งและต้องถือว่าเป็นประเทศที่ผมไปเที่ยวมากที่สุดประเทศหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผมจะชอบมากเป็นพิเศษ แต่เหตุผลสำคัญก็เพราะว่าคนใกล้ชิดผมนั้นชอบไปเนื่องจากญี่ปุ่นนั้นเป็นประเทศที่ “อะไร ๆ ก็ดูดีไปหมด” แม้ว่าจะไม่มีอะไรที่ดูมหัศจรรย์หรือน่าทึ่งอย่างปิรามิดหรือกำแพงเมืองจีน แต่ญี่ปุ่นมีสินค้ามากมายที่ “กุ๊กกิ๊ก” สภาพของเมืองและสถานที่ที่สะอาดดูดี มีดอกและใบไม้ที่สวยงามในบางช่วงเวลา มีคนที่สุภาพน่ารัก มีอาหารการกินที่คุ้นปาก มีสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดสร้างและบริหารอย่างดีซึ่งรวมถึงสวนสัตว์และสวนสนุกที่ทำได้ดีมากไม่นับโบราณสถานที่ไม่ด้อยกว่าใครในย่านนี้ และสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมไปมากขึ้นยังอยู่ที่การเปิดให้นักท่องเที่ยวไทยเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าเพื่อที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม คนไทยที่ไปญี่ปุ่นหลังการเปิดให้เข้าประเทศโดยไม่ต้องมีวีซ่าเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เข้าใจว่าถึง 50%และผมก็รู้สึกได้จากการที่พบคนไทยจำนวนมากที่ฮอกไกโด
ความ “น่าทึ่ง” ของญี่ปุ่นนั้น ผมคิดว่าไม่ได้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นในแง่ของสถานที่หรือโบราณสถานหรือการช็อบปิ้ง แต่ผมคิดว่าสิ่งที่ญี่ปุ่นแตกต่างจากคนอื่นโดยเฉพาะคนไทยมากนั้นอยู่ที่คนและสังคมของคนญี่ปุ่นเองที่ผมคิดว่าหาได้ยากในโลกนี้ ในมุมหนึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นสังคมที่ “สมบูรณ์แบบ” ในแง่ที่ว่ามันทำให้การอยู่ร่วมกันของคนญี่ปุ่นมีความกลมเกลียว ปรองดอง และช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี การทะเลาะเบาะแว้งทำร้ายกันหรือการโกงหรือฉ้อฉลมีน้อยมากเมื่อเทียบกับสังคมอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่เป็นสังคมหรือประเทศที่ใหญ่มาก มีผู้คนกว่าร้อยล้านคนและอยู่กันอย่าง “แออัด” นอกจากนั้น นิสัยและพฤติกรรมนั้นยังส่งมาถึงนักท่องเที่ยวผู้มาเยือนอย่างตัวผมด้วย
เริ่มที่ระเบียบวินัยของคนญี่ปุ่นนั้น ต้องบอกว่าเป็นจุดเด่นที่หาไม่ได้ง่ายในสังคมอื่น การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่มีการกำหนดไว้นั้นจะเป็นไปอย่างเคร่งครัดไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก และเนื่องจากคนเกือบทั้งหมดทำตาม คนที่ไม่ปฏิบัติจะถูกมองในแง่ที่ไม่ดีมาก ผลก็คือ น้อยคนจะ “แหกกฎ” ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น การทิ้งขยะของแต่ละบ้านนั้น เขาจะมีเวลากำหนดให้ทิ้งแน่นอนและขยะทุกชิ้นจะต้องมีการแยกแยะอย่างถูกต้องออกเป็นหลายใบ เช่น ขยะเปียกหรือแห้งหรือขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ เป็นต้น ส่วนในที่สาธารณะนั้น คนญี่ปุ่นจะไม่ทิ้งสิ่งของลงบนพื้น ในบางกรณีที่ไม่สามารถหาถังขยะได้ซึ่งก็เกิดได้บ่อย ๆ พวกเขาจะต้องเก็บกลับไปทิ้งที่บ้าน ดังนั้น ถนนหนทางและที่สาธารณะของญี่ปุ่นนั้นจะสะอาดมาก ไม่ต้องพูดถึงขยะ แม้แต่ใบไม้ก็มักจะถูกเก็บโดยเจ้าของบ้านที่ต่างก็ต้องกวาดเก็บหน้าบ้านให้ดูสะอาดทุกวัน
คนไทยคงจำได้ถึงภาพที่คนญี่ปุ่นต่อแถวรับอาหารหรือความช่วยเหลือจากกรณีสึนามิอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีการแซงคิวหรือแก่งแย่งกันทั้ง ๆ ที่กำลังประสบความลำบากเหลือล้น นั่นเป็นเรื่องปกติ การเข้าคิวเพื่อรับบริการต่าง ๆ หรือใช้บริการหรือทำสิ่งต่าง ๆ นั้น จะไม่มีการแซงคิวกันเลย แม้แต่การข้ามถนน ถึงจะไม่มีรถมาทุกคนต่างก็จะรอจนสัญญาณไฟเขียวขึ้นจึงจะข้าม คนญี่ปุ่นนั้น ตั้งแต่เด็กก็ถูกฝึกให้เป็นคนมีวินัยสูงมาก ครูสอนเปียโนอย่างภรรยาผมเล่าว่า เด็กเล็กชาติอื่นนั้น มักจะไม่ค่อยซ้อมตามที่ครูสั่งก่อนเข้าเรียน เวลาเรียน ก็มักจะลุกเดินไปมาและหาเรื่องคุย แต่เด็กญี่ปุ่นนั้น จะทำการบ้านหรือซ้อมเล่นตามที่ครูสั่งเสมอ เวลาเรียนก็มักจะตั้งใจมีสมาธิในการเรียน ผมเคยเห็นเด็กอนุบาลขึ้นรถไฟจากบ้านไปเรียนคนเดียวที่ญี่ปุ่นแล้วก็รู้สึกทึ่ง ผมเพิ่งรู้จักไก้ด์คนไทยที่เคยเรียนที่ญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า เขาไม่อนุญาตให้ผู้ปกครองมาส่ง แต่ที่เขาทำอย่างนั้นได้ผมคิดว่าเป็นเพราะที่ญี่ปุ่นนั้นสถิติอาชญากรรมต่ำมาก และโรงเรียนก็ไม่ไกลจากบ้านและเด็กก็ไม่ไปเรียนที่ไกล ๆ เนื่องจากโรงเรียนที่ญี่ปุ่นในระดับเด็กนั้นต่างก็มีมาตรฐานเท่ากัน
จุดที่เด่นมากที่สุดของญี่ปุ่นนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องของวินัย แต่เป็นเรื่องของความ “เสมอภาค” ที่คนญี่ปุ่นยึดถือเมื่อมองคนอื่นหรือปฏิบัติต่อคนอื่น ทุกคนเคารพสิทธิของคนอื่นอย่างเท่าเทียมกับสิทธิของตนเอง เวลาจะทำอะไรจะต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ และเรื่องของวินัยหลาย ๆ เรื่องก็เกิดจากเรื่องนี้ เช่น ที่เขาไม่แซงคิวคนอื่นก็เพราะเขารู้สึกว่าทุกคนเสมอกัน การแซงคิวก็คือการไม่เคารพสิทธิของคนอื่นที่มาก่อนและต้องได้สิทธิก่อน ดังนั้น เรื่องของ “มนุษย์ป้าหรือมนุษย์ลุง” ที่เอาเปรียบคนอื่นจึงไม่มี เรื่องสิทธิของคนอื่นนั้นกินความไปถึงสิทธิที่จะอยู่อย่างสงบไม่มีใครมารบกวนไม่ว่ากรณีใดด้วย ดังนั้น เวลาที่ใครต้องการเลี้ยงสุนัข สิ่งสำคัญก็คือเขาจะต้องเอาสุนัขไปเข้าโรงเรียนเพื่อสอนให้ไม่เห่าทำเสียงดังรบกวนชาวบ้านด้วย พูดถึงความเสมอภาคแล้วต้องยอมรับว่าคนญี่ปุ่นนั้น มีความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศอื่น ๆ รายได้ระหว่างพนักงานในบริษัทที่เป็นผู้บริหารกับพนักงานนั้นไม่ต่างกันมาก ผมเคยได้รับฟังมาว่าผู้บริหารกับคนขับรถของบริษัทใหญ่ ๆ ในญี่ปุ่นนั้นเงินเดือนอาจจะห่างกันแค่ 1 หรือ 2 เท่าตัวในขณะที่ในประเทศไทยนั้นอาจจะเป็น 8 หรือ 10 เท่า และนี่ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนญี่ปุ่นนั้นมีความเสมอภาคกันสูงมาก
ความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นอีกคุณสมบัติหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าแปลกเหมือนกันเมื่อคำนึงถึงว่าคนญี่ปุ่นนั้นเป็นคนที่เก่งและฉลาดวัดจาก IQ ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลก พวกเขาจะโค้งให้กันและกันเวลาพบเจอและทักทายกันไม่ว่าจะเป็นคนที่สูงกว่าในด้านของอายุหรือฐานันดรหรือความมั่งคั่ง คำพูดในภาษาญี่ปุ่นนั้นบางทีจะรู้สึกว่ายาวมากในแต่ละประโยคที่พูด คนที่รู้ภาษาบอกผมว่าเหตุที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่ามันมีความหมายที่เป็นการให้เกียรติหรือให้ความนับถือหรืออะไรทำนองนั้นอยู่ตลอดเวลาในการพูดกับคนอื่น นอกจากนั้น คนญี่ปุ่นจะไม่พูดอะไรที่จะทำให้คนอื่นเสียหน้าหรือเป็นการหักหน้าคนอื่น บ่อยครั้งพวกเขาก็มักจะไม่พูดอะไรเลยในที่ประชุมสาธารณะ
พูดถึงเรื่อง “หน้าตา” แล้ว คนญี่ปุ่นคำนึงถึงหน้าตาสูงมาก พวกเขาจะไม่ทำอะไรที่ทำให้หน้าตาเขาดูไม่ดี พวกเขาต้องใช้สินค้าเช่นเสื้อผ้าที่มียี่ห้อดีถ้าสามารถทำได้ ว่ากันว่าผู้ชายญี่ปุ่นนั้นเลิกงานแล้วต้องกลับบ้านค่ำ เพราะถ้ากลับเร็วจะถูกมองว่าไม่ได้ไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานที่เป็นธรรมเนียมของพนักงานที่ทำงานหนักและมีสังคมที่จะมีความก้าวหน้า ซึ่งนั่นหมายความว่าคุณเป็นพนักงานที่ไม่ค่อยมีอนาคต ในด้านของผู้หญิงเอง เมื่อแต่งงานแล้วก็มักจะต้องออกมาเป็นแม่บ้าน ถ้ายังทำงานต่อก็จะถูกมองว่าสามีคงไม่ค่อยมีปัญญาเลี้ยงภรรยา แต่เรื่องนี้ยังเป็นอยู่ในปัจจุบันหรือไม่ผมเองก็ไม่แน่ใจ อีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องหน้าตาหรือไม่ก็คือ คนญี่ปุ่นที่ทำงานผิดหรือพลาดนั้น ก็มักจะต้องออกมาขอโทษต่อหน้าสาธารณชนอย่างที่เราพบเห็นบ่อย ๆ เวลานักการเมืองหรือผู้บริหารกิจการทำผิดหรือทำพลาดรุนแรง พวกเขาจะต้องออกมายอมรับและขอขมาซึ่งนี่ก็ตรงกันข้ามกับอีกหลาย ๆ ประเทศที่คนทำผิดมักจะออกมาปฏิเสธหรือแก้ตัวเสมอ
สุดท้ายคือเรื่องของความ “เนี้ยบ” ของคนญี่ปุ่นที่ผมประสบทุกครั้งที่มาซื้อของและใช้บริการในญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น ไม่ว่าเราจะซื้ออะไรที่ร้าน เขาก็มักจะห่อด้วยกระดาษของขวัญให้เราเสมอ ทำให้ดูเป็นของที่มีค่ามากทั้ง ๆ ที่มันอาจจะเป็นแค่ขนมอบกรอบ หรืออย่างเวลาเขายื่นของให้เราไม่ว่าจะเป็นจานอาหารหรือเงินทอน เขาก็จะใช้สองมือจับของสิ่งให้เราเสมอ และอีกเรื่องหนึ่งที่ผมประทับใจก็คือ เขาให้บริการทุกคนที่เป็นลูกค้าอย่างเสมอภาค ไม่เหมือนสังคมอื่นที่มักจะดูว่าเราจะมีทิปให้หรือไม่ และคนญี่ปุ่นเองนั้นก็ไม่มีธรรมเนียมในการให้หรือรับทิปในการให้บริการด้วย
ผมไม่มีเนื้อที่เหลือพอที่จะสรุปอะไรทั้งสิ้น ดูเหมือนว่าจะเป็นรายการโปรคนญี่ปุ่นสุด ๆ แต่จริง ๆ แล้วผมไม่มีอะไรซ่อนเร้น ผมแค่ทึ่งและผมจึงเขียน แค่นั้นจริง ๆ
******************
Amazing japan
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ Value Investor
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น