จีนแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นตลาดหุ้นอันดับ2ของโลก
ต่างประเทศ วันจันทร์ที่ 01 ธันวาคม 2557ผู้เข้าชม : 4 คน
บลูมเบิร์ก - จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นเป็นตลาดหุ้นที่ใหญ่สุดเป็นอันดับสองของโลก เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ท่ามกลางการความเชื่อมั่นที่เพิ่มมากขึ้นของนักลงทุนว่า ผู้กำหนดนโยบายในกรุงปักกิ่งจะฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นนโยบายเงิน
จากการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก มูลค่าตลาดของจีนเพิ่มเป็น 4.48 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลังจากที่เพิ่มขึ้น 33% ในปีนี้ แต่มูลค่าตลาดของตลาดหุ้นญี่ปุ่นลดลงเหลือ 4.46 ล้านล้านดอลลาร์ และได้ลดลง 3.2% นับตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม
ตลาดจีนเคยเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองรองจากตลาดสหรัฐฯ เป็นเวลาสั้นๆเมื่อเดือนมีนาคม 2554 หลังจากที่แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นทำให้หุ้นในโตเกียวปรับตัวลง
ในขณะที่การอ่อนตัวของเงินเยนมีบทบาทสำคัญที่ทำให้มูลค่าตลาดของญี่ปุ่นที่อยู่ในรูปดอลลาร์ลดลง ดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ของจีนได้ปรับตัวขึ้น 3 เท่าของดัชนีโทปิกซ์ในปีนี้ และยังมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (พีอี) ต่ำกว่าของญี่ปุ่น 21%
ดิกกี้ หว่อง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของคิงสตัน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในฮ่องกง กล่าวว่า ยังคงมีความมั่นใจมากต่อหุ้นจีน และมันกำลังซื้อขายโดยมีการประเมินมูลค่าต่ำ
การเติบโตของมูลค่าตลาดจีนได้รับแรงหนุนจากการให้มีการเสนอขายหุ้นไอพีโออีกครั้งหลังจากที่ได้ระงับมานานกว่าหนึ่งปี และถือว่าเป็นการฟื้นตัวสำหรับตลาดหุ้นที่ถือว่ามีผลงานแย่ที่สุดในโลกตั้งแต่ปลายปี 2553 จนถึงกลางปีที่ผ่านมา และยังเกิดขึ้นในขณะที่ ทางการจีนยอมให้นักลงทุนต่างชาติเข้าถึงหุ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ผ่านการเชื่อมตลาดฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน
หุ้นจีนปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 7 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ดัชนีเซี่ยงไฮ้ สูงสุดในรอบสามปีเนื่องจากมีปริมาณการซื้อขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์และการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะผ่อนคลายนโยบายเงินต่อ และเมื่อวันพฤหัสบดีธนาคารกลางจีนหยุดขายข้อตกลงซื้อคืนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม การเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากที่มีการประกาศเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนว่า จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้
ดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้ ปรับตัวขึ้นไป 27% ในปีนี้ ซึ่งถือเป็นการดีดตัวรายปีที่สูงชันมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552 และดัชนีมีการซื้อขายที่ 12.8 เท่าของกำไร เทียบกับที่ดัชนีโทปิกซ์มีการซื้อขายที่ 16.2 เท่า
ธนาคารหลายแห่งเป็นบริษัทใหญ่สุดของจีน จากการรวบรวมข้อมูลของบลูมเบิร์ก อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ไอซีบีซี)เป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดินใหญ่ โดยมีมูลค่าตลาด 223,100 ล้านดอลาร์
ส่วนอะกริคัลเจอรัล แบงก์ ออฟ ไชน่า และไชน่า เมอร์ชานส์ แบงก์ ติดอันดับสองและสาม
หุ้นไอซีบีซีในตลาดเซี่ยงไฮ้ ปรับตัวขึ้น 13% ในปี 2557 ในขณะที่หุ้นอะกรีแบงก์ ปรับตัวขึ้น 15% และไชนา เมอร์ชานส์ แบงก์ ปรับตัวขึ้น 12%
ดักลาส มอร์ตัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยเอเชียของบริษัท อะเวียต โกลบัล แอลแอลพี แนะนำให้ซื้อหุ้นจีนต่อไป เพราะนี่เป็นครั้งแรกของปีนี้ที่รัฐบาลดำเนินนโยบายหนุนเศรษฐกิจเพื่อให้มีการเติบโตตามเป้าหมายทั้งปี และเมื่อมีการประกาศเป้าหมายการเติบโตของปีหน้าแล้ว คาดว่าจะมีนโยบายหนุนเศรษฐกิจออกมาอีกและจะมีการลดเกณฑ์กันสำรองขอธนาคารโดยทันที
ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์ของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงและพรรครัฐบาลผสมของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ได้กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในปีนี้ ดัชนีโทปิกซ์ได้ดีดตัวขึ้น 6.9% ในปีนี้ ในขณะเดียวกัน เงินเยนอ่อนตัวลง 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์เนื่องจากนโยบายของอาเบะได้ผ่อนคลายนโยบายเงินและเพิ่มการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
จีนได้แซงหน้าญี่ปุ่นเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกเมื่อปี 2553 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนมีมูลค่า 9.2 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าของญี่ปุ่นประมาณ 89%