วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

บัตรกรุงไทย (KTC) เชื่อโค้งสุดท้ายกำไรไม่หลุดเป้าหมาย หลัง 6 เดือนทำไปแล้ว 826 ล้านบาท พร้อมจ่อจ่ายปันผล 2.40 บาทต่อหุ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 2 บาท ชี้ ROE ไม่ต่ำกว่า 20% ส่วน NPL หั่นเหลือ 1.2%

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: KTCยันกำไรเกิน1.3พันล.
เล็งปันผล2.40บาทต่อหุ้น

ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 19 สิงหาคม 2557
ผู้เข้าชม : 54 คน
บัตรกรุงไทย (KTC) เชื่อโค้งสุดท้ายกำไรไม่หลุดเป้าหมาย หลัง 6 เดือนทำไปแล้ว 826 ล้านบาท พร้อมจ่อจ่ายปันผล 2.40 บาทต่อหุ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 2 บาท ชี้ ROE ไม่ต่ำกว่า 20% ส่วน NPL หั่นเหลือ 1.2%

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ปีนี้จะทำกำไรเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 1,300 ล้านบาท เป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมไปถึงการปรับปรุงการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ มากยิ่งขึ้น และเตรียมจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 40% หรือ อยู่ที่ 2.40 บาทต่อหุ้น จากปีที่แล้วที่ปันผล 2.00บาท

“กำไรออกมาดีตามที่เราคาดหวัง และยังมั่นใจว่าจะมากกว่า 1,300 ล้านบาทอย่างแน่นอน ส่วน ROE ปัจจุบันของเราอยู่ที่ 26% นับว่าสูง และเราเชื่อว่าในระยะยาวจะไม่ต่ำกว่า 20% แต่คงไม่ขึ้นไปถึง 30% เพราะธุรกิจนี้ยังมีความเสี่ยง และผันผวนไปตามเศรษฐกิจอยู่”

สำหรับภาพรวมการแข่งขันในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ KTCจะเน้นการขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัด และออกแคมเปญให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้นด้วย ส่วนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 15% โดยมีแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวจากการประชุม สนช. ซึ่งจะส่งผลให้เห็นภาพชัดเจนว่าจะมีคณะรัฐมนตรีในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ การใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่ KTC เตรียมไว้ถึง 2,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันใช้งบการตลาดไปแล้วกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งยังเป็นผลมาจากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวกว่าที่ผ่านมาส่งผลให้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

นางสาวสุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจสินเชื่อบุคคล KTC กล่าว ว่า สำหรับแนวโน้มสินเชื่อบุคคลในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากประชาชนเริ่มคลายความกังวลกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยเริ่มกลับมา โดยทั้งปีคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่ตามเป้าหมายที่ 140,000-150,000 ราย จากปัจจุบันมีลูกค้าใหม่แล้ว 62,000 ราย

"ปกติแล้วหากไม่มีเหตุการณ์อะไรก็จะเริ่มลับมาฟื้นตัวได้ดี แต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาคนชะลอการใช้จ่ายไปจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ค่อนข้างแย่มาก"

ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของกลุ่มสินเชื่อบุคคลในปีนี้จะทรงตัวอยู่ที่ 1.2% ซึ่งต่ำกว่าระบบซึ่งอยู่ที่ 4.2% โดยเป็นผลจาก KTC มีการบริหารจัดการที่ดี และมีทีมงานในการบริหารหนี้ที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างมาก

"ยอมรับว่าเอ็นพีแอลเราต่ำมากจริงๆ ต่ำกว่าระบบ โดยแบงก์ทั้งระบบมีเอ็นพีแอล 4.5% และ นอนแบงก์ 3.9% เฉลี่ยทั้งระบบก็อยู่ที่ประมาณ 4.2% แต่ของเรา 1.2% เท่านั้นเมื่อครึ่งปีแรก และ ทั้งปีเราก็คาดจะอยู่ที่ระดับดังกล่าว"

นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตร KTC กล่าวว่า ส่วนภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้าบัตรเครดิตใหม่เติบโตได้ 10% จากเป้าหมายที่ 15% หรือคิดเป็นลูกค้าใหม่ 300,000-320,000รายจากเป้าหมายที่ 400,000 ราย ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีความชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 2ที่ผ่านมา ประกอบกับ เศรษฐกิจเพิ่งจะเริ่มฟื้นตัว

"เราก็พยายามลุ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะปกติ Q3-Q4 จะเป็นช่วงพีค แต่ทั้งปีลูกค้าใหม่จะถึง 15% หรือไม่คงตอบได้ยาก แต่จากสถานการณ์ถ้าเราโตได้สัก 10% ก็เก่งมากแล้ว"

สำหรับกลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง KTC จะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเน้นไปที่หัวเมืองใหญ่ 10 แห่ง ซึ่งเมื่อรวมกรุงเทพฯและปริมณฑลจะส่งผลให้ครอบคลุมลูกค้า 85% โดย KTC จะเน้นขยายฐานลูกค้ากลุ่มบนมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม กิน ช้อป เที่ยว เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายค่อนข้างมากรวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ๆ มากขึ้นด้วย

ส่วนสถานการณ์การผิดนัดชำระหนี้ในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิตขณะนี้ยังปกติ เนื่องจาก KTC มีการบริหารจัดการที่ดีทั้งระบบ ส่งผลให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ที่ระดับ 2% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 3.3%

"นอกจากเราจะเน้นการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้ละเลยในการดูหนี้ ซึ่งเอ็นพีแอลเราค่อนข้างต่ำ เพราะมีการดูแลและควบคุมอย่างใกล้ชิด"

นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโสสายงาน Corporate Finance KTC กล่าวว่า ในเดือนต.ค.นี้ KTC เตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 4-6 พันล้านบาทเพื่อรีไฟแนนซ์วงเงินเดิมที่มีอยู่ทั้งสิ้น 6,000ล้านบาท

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น