ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: JASปลดล็อกคดีความ
เจ้าหนี้หมดเวลาฟ้อง!
:แผนจัดสรรหุ้น TTTBB ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 05 สิงหาคม 2557
ผู้เข้าชม : 17 คน
JAS พ้นพันธะไม่ต้องชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ เหตุไม่มีเจ้าหนี้รายใดแสดงตัว จนพ้นเงื่อนไขฟ้องร้องคดี ภายใน 31 ธ.ค. 56 ทำให้หมดอายุความคดี ส่วน MOU ระหว่าง JAS กับ TT&T เมื่อช่วงเดือนก.ย. 49 ที่ต้องจัดสรรหุ้น TTTBB ให้ฝ่าย TT&T ถือว่าสิ้นสุดไปหลังก.ล.ต.ปฏิเสธไฟลิ่งไปแล้ว ผู้บริหาร JAS การันตีมูลหนี้ไม่เกิน 1,343 ล้านบาท
แหล่งข่าววงการกฎหมาย เปิดเผยว่า จากกรณีศาลฎีกากลับคำพิพากษาโดยยกเลิกคำสั่งฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลางที่ได้ให้ความเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการไว้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2546 ของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และมีผลทำให้เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ คือ วันที่ 17 กันยายน 2545 นั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ถือเป็นวันสุดท้ายของอายุความของคดีดังกล่าวไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาแสดงตนและแสดงสิทธิของตนเพื่อยื่นเอกสารขอรับชำระหนี้จาก JAS เลย
กรณีดังกล่าวส่งผลให้คดีความดังกล่าวหมดอายุความไปโดยปริยาย และถือเป็นการปลดล็อกความกังวลต่อผลกระทบจากคดีดังกล่าวที่มีต่อสถานะการเงินของ JAS หากต้องจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ ตามคำสั่งศาลฎีกา อย่างไรก็ดีหากเจ้าหนี้รายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกรณีนี้จะมีการฟ้องร้องใดๆ เพิ่มเติม ให้ถือเป็นเรื่องของเจ้าหนี้เป็นรายๆไป
ส่วนกรณีบันทึกข้อตกลง MOU ระหว่างบริษัท อคิวเมนท์ จำกัด และ TT&T เมื่อเดือนก.ย. 49 ที่ระบุว่า “อคิวเมนท์” ต้องนำหุ้น TTTBB จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และจัดสรรหุ้นใหม่หรือหุ้น TTTBB ที่ถือโดย “อคิวเมนท์” ให้ผู้ถือหุ้น TT&T ภายใน 3 ปี โดย TTTBB ยื่นเอกสารต่อก.ล.ต.เพื่อขอทำคำเสนอขายหุ้น IPO แต่ก.ล.ต.ปฏิเสธคำขอเสนอขายหุ้นดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าไม่มีผลผูกพันแต่อย่างใด
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า จากกรณีมีข่าวเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศ 4 ราย อยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งภายในวันที่ 18 ส.ค. 57 นั้น บริษัทยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้การที่บริษัทจะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายหนึ่งรายใดหรือไม่และเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีเจ้าหนี้มาแสดงตนและแสดงสิทธิของตนจนบริษัทเชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ตามจำนวนที่กล่าวอ้างแล้วหรือไม่เท่านั้น หากมีข้อโต้แย้งไม่เห็นพ้องต้องกันไม่ว่าประเด็นใดๆ เป็นกรณีที่จะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาเพื่อหาข้อยุติกันในศาลแพ่งต่อไป
จากการศึกษาข้อมูลของบริษัทร่วมกับที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท เห็นว่าไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้รายใดรายหนึ่งหรือหลายรายรวมกันเป็นจำนวนถึง 10,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว โดยบริษัทประเมินว่าจำนวนหนี้ที่อาจเกิดขึ้นของเจ้าหนี้ทุกรายรวมกันไม่เกิน 1,343 ล้านบาท
สำหรับเรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจบรอดแบนด์ อินเตอร์เน็ต(Infrastructure Fund)หรือ IFF อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นอกจากนี้ธุรกิจของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นางสาวมินทรา รัตยาภาส รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น JAS ปรับตัวลดลงวานนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยาการลงทุน จากกรณีข่าวเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศจำนวน 4 รายอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งภายในวันที่ 18 ส.ค. 57 อย่างไรก็ตาม JAS ได้ออกมาชี้แจงข่าวดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้หากพิจารณาจากมูลค่าหนี้ที่ 10,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้น JAS ราว 1.40 บาท ขณะที่เมื่อพิจารณาจากมูลค่าหนี้ที่บริษัทชี้แจงว่าจำนวนหนี้ไม่เกิน 1,343 ล้านบาท คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้น JAS ราว 0.19 บาท อย่างไรก็ตามเชื่อว่า JAS ไม่ได้ตั้งสำรองหนี้ดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติ ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน JAS ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท
ส่วนกรณีบริษัท พีซีแอล แพลนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารแผน TT&T ยื่นฟ้องต่อศาลเป็นคดีแพ่งเรียกร้องให้บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด บริษัทย่อยนอกตลาดของ JAS โอนขายหุ้นทริปเปิลที (TTT BB) ซึ่ง ACU ถือหุ้นอยู่ 99.2% ให้แก่ผู้ถือหุ้น TT&T ตามบันทึกข้อตกลงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่าง ACU กับ TT&T โดยมีมูลค่าฟ้องร้องราว 868 ล้านบาท
จากการสอบถามกับ JAS ยืนยันว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวสิ้นผลบังคับไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2551 และมองว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลเสียหายที่มีสาระสำคัญจากคดีฟ้องร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลกระทบจำกัด เมื่อพิจารณามูลค่าฟ้องร้องที่ 868 ล้านบาท คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้น JAS ราว 0.12 บาท
เจ้าหนี้หมดเวลาฟ้อง!
:แผนจัดสรรหุ้น TTTBB ไม่มีผลบังคับใช้แล้ว
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 05 สิงหาคม 2557
ผู้เข้าชม : 17 คน
JAS พ้นพันธะไม่ต้องชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ เหตุไม่มีเจ้าหนี้รายใดแสดงตัว จนพ้นเงื่อนไขฟ้องร้องคดี ภายใน 31 ธ.ค. 56 ทำให้หมดอายุความคดี ส่วน MOU ระหว่าง JAS กับ TT&T เมื่อช่วงเดือนก.ย. 49 ที่ต้องจัดสรรหุ้น TTTBB ให้ฝ่าย TT&T ถือว่าสิ้นสุดไปหลังก.ล.ต.ปฏิเสธไฟลิ่งไปแล้ว ผู้บริหาร JAS การันตีมูลหนี้ไม่เกิน 1,343 ล้านบาท
แหล่งข่าววงการกฎหมาย เปิดเผยว่า จากกรณีศาลฎีกากลับคำพิพากษาโดยยกเลิกคำสั่งฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลางที่ได้ให้ความเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการไว้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2546 ของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS และมีผลทำให้เจ้าหนี้สามารถเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้ที่มีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการ คือ วันที่ 17 กันยายน 2545 นั้น ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ถือเป็นวันสุดท้ายของอายุความของคดีดังกล่าวไม่มีเจ้าหนี้รายใดมาแสดงตนและแสดงสิทธิของตนเพื่อยื่นเอกสารขอรับชำระหนี้จาก JAS เลย
กรณีดังกล่าวส่งผลให้คดีความดังกล่าวหมดอายุความไปโดยปริยาย และถือเป็นการปลดล็อกความกังวลต่อผลกระทบจากคดีดังกล่าวที่มีต่อสถานะการเงินของ JAS หากต้องจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ ตามคำสั่งศาลฎีกา อย่างไรก็ดีหากเจ้าหนี้รายอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกรณีนี้จะมีการฟ้องร้องใดๆ เพิ่มเติม ให้ถือเป็นเรื่องของเจ้าหนี้เป็นรายๆไป
ส่วนกรณีบันทึกข้อตกลง MOU ระหว่างบริษัท อคิวเมนท์ จำกัด และ TT&T เมื่อเดือนก.ย. 49 ที่ระบุว่า “อคิวเมนท์” ต้องนำหุ้น TTTBB จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และจัดสรรหุ้นใหม่หรือหุ้น TTTBB ที่ถือโดย “อคิวเมนท์” ให้ผู้ถือหุ้น TT&T ภายใน 3 ปี โดย TTTBB ยื่นเอกสารต่อก.ล.ต.เพื่อขอทำคำเสนอขายหุ้น IPO แต่ก.ล.ต.ปฏิเสธคำขอเสนอขายหุ้นดังกล่าวไปแล้ว ดังนั้นจึงถือว่าไม่มีผลผูกพันแต่อย่างใด
นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า จากกรณีมีข่าวเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศ 4 ราย อยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งภายในวันที่ 18 ส.ค. 57 นั้น บริษัทยังไม่ทราบเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้การที่บริษัทจะต้องชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้รายหนึ่งรายใดหรือไม่และเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับว่ามีเจ้าหนี้มาแสดงตนและแสดงสิทธิของตนจนบริษัทเชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ตามจำนวนที่กล่าวอ้างแล้วหรือไม่เท่านั้น หากมีข้อโต้แย้งไม่เห็นพ้องต้องกันไม่ว่าประเด็นใดๆ เป็นกรณีที่จะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาเพื่อหาข้อยุติกันในศาลแพ่งต่อไป
จากการศึกษาข้อมูลของบริษัทร่วมกับที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท เห็นว่าไม่มีหนี้ที่จะต้องชำระให้แก่เจ้าหนี้รายใดรายหนึ่งหรือหลายรายรวมกันเป็นจำนวนถึง 10,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว โดยบริษัทประเมินว่าจำนวนหนี้ที่อาจเกิดขึ้นของเจ้าหนี้ทุกรายรวมกันไม่เกิน 1,343 ล้านบาท
สำหรับเรื่องการจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับธุรกิจบรอดแบนด์ อินเตอร์เน็ต(Infrastructure Fund)หรือ IFF อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นอกจากนี้ธุรกิจของบริษัทยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นางสาวมินทรา รัตยาภาส รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ เคเคเทรด จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น JAS ปรับตัวลดลงวานนี้ (4 ส.ค.) เนื่องจากได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยาการลงทุน จากกรณีข่าวเจ้าหนี้สถาบันการเงินต่างประเทศจำนวน 4 รายอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งภายในวันที่ 18 ส.ค. 57 อย่างไรก็ตาม JAS ได้ออกมาชี้แจงข่าวดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้หากพิจารณาจากมูลค่าหนี้ที่ 10,000 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้น JAS ราว 1.40 บาท ขณะที่เมื่อพิจารณาจากมูลค่าหนี้ที่บริษัทชี้แจงว่าจำนวนหนี้ไม่เกิน 1,343 ล้านบาท คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้น JAS ราว 0.19 บาท อย่างไรก็ตามเชื่อว่า JAS ไม่ได้ตั้งสำรองหนี้ดังกล่าว เนื่องจากยังไม่ได้ข้อยุติ ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบต่อปัจจัยพื้นฐาน JAS ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท
ส่วนกรณีบริษัท พีซีแอล แพลนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารแผน TT&T ยื่นฟ้องต่อศาลเป็นคดีแพ่งเรียกร้องให้บริษัท อคิวเมนท์ จำกัด บริษัทย่อยนอกตลาดของ JAS โอนขายหุ้นทริปเปิลที (TTT BB) ซึ่ง ACU ถือหุ้นอยู่ 99.2% ให้แก่ผู้ถือหุ้น TT&T ตามบันทึกข้อตกลงในการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนระหว่าง ACU กับ TT&T โดยมีมูลค่าฟ้องร้องราว 868 ล้านบาท
จากการสอบถามกับ JAS ยืนยันว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวสิ้นผลบังคับไปแล้วเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2551 และมองว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลเสียหายที่มีสาระสำคัญจากคดีฟ้องร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามผลกระทบจำกัด เมื่อพิจารณามูลค่าฟ้องร้องที่ 868 ล้านบาท คิดเป็นผลกระทบต่อหุ้น JAS ราว 0.12 บาท
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น