วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

KTBโล่งหนี้สหฟาร์ม เติมเงินให้2.7พันลบ.

KTBโล่งหนี้สหฟาร์ม
เติมเงินให้2.7พันลบ.

ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม 2556
ผู้เข้าชม : 11 คน

แบงก์กรุงไทย (KTB) ยิ้มออกหลังผู้บริหารของสหฟาร์มยอมรับข้อเสนอของธนาคาร จนบรรลุข้อตกลงกันได้ พร้อมใส่เงินเติมสภาพคล่องให้อีก 2.7 พันล้านบาท ส่วนหนี้เสียมีการตั้งสำรองหมดแล้ว รอตีเป็นรายได้กลับมา



นางกิตติยา โตธนะเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารการเงิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ในส่วนกรณีของสหฟาร์มนั้นล่าสุดทางธนาคารได้บรรลุข้อตกลงกันแล้วจึงอนุมัติวงเงินกู้ไป 2.7 พันล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่อง ส่วนการตั้งสำรองธนาคารได้ดำเนินการไปแล้วตามระเบียบทุกอย่างจึงไม่มีปัญหาทางด้านการตั้งสำรองแต่อย่างใด

แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการเจรจาระหว่างผู้บริหารสหฟาร์มกับผู้แทนธนาคารกรุงไทย และเกิดประสบผลสำเร็จจึงมีการอนุมัติวงเงินกู้ประมาณ 2.7 พันล้านบาทให้กับสหฟาร์มนำไปเสริมสภาพคล่อง และ กลับมาเปิดกิจการส่งออกไก่อีกครั้ง โดยจะดูแลช่วยเหลือให้เงินสนับสนุนกับเกษตรกร และทำธุรกิจร่วมกับสหฟาร์มต่อไป

ประกอบกับทางธนาคารกรุงไทยได้ตรวจสอบแล้วว่า ปัญหาสหฟาร์มไม่ได้เกิดการทุจริตภายใน แต่เกิดจากภาวะหนี้สิน และค้างจ่ายค่าแรงเกษตรกรรวมถึงปัญหาปัจจัยภายนอกจากราคาข้าวโพด ซึ่งต้องนำมาผลิตเป็นอาหารไก่ปรับราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัว แม้มีการซื้อข้าวจากประเทศกัมพูชามาทดแทนข้าวโพด แต่ได้ทำให้น้ำหนักไก่หายไปเฉลี่ยตัวละ 1 กิโลกรัมทำให้บริษัทต้องแบกภาระขาดทุนอย่างหนักจนขาดสภาพคล่องทางการเงิน

สำหรับวงเงินสินเชื่อก้อนใหม่ที่ว่า 2.7 พันล้านบาทหากพิจารณาจากซัพพลายเออร์ และบุคคลที่ผูกพันกับทางกลุ่มสหฟาร์มนั้นอาจไม่เพียงพอ แต่ทางธนาคารกรุงไทยได้อนุมัติวงเงินหมุนเวียน 600 ล้านบาทให้กับผู้ค้าของสหฟาร์ม โดยใช้คำสั่งซื้อ แอล/ซีเป็นหลักประกัน ซึ่งถือเป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้สหฟาร์มมีสภาพคล่อง โดยยังมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะให้การสนับสนุนวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกับผู้ค้าต่างประเทศอื่นๆ ของสหฟาร์มในทำนองเดียวกันอีกประมาณ 10 ราย

นายวรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวถึงกรณีการปรับโครงสร้างหนี้ของกลุ่มสหฟาร์ม ว่า สหฟาร์มเป็นกรณีที่ไม่ยากมาก โดยพิจารณาจาก 3 ปัจจัย คือ 1.ความเป็นไปได้ของอุตสาหกรรม หรือ ธุรกิจ 2.โครงสร้างทางการเงินเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งมูลหนี้สหฟาร์มมีจำนวน 1.2 หมื่นล้านบาทนั้นเพียงแค่ปรับโครงสร้างหนี้ลดหนี้ หรือเพิ่มทุนกิจการก็สามารถเดินหน้าต่อไปได้ เพราะดูปริมาณหนี้ และ กำลังการผลิตแล้วธุรกิจยังมีโอกาสทำกำไรได้โดยไม่จำเป็นต้องลดหนี้ หรือแฮร์คัตหนี้

ปัจจัยที่ 3 ความสามารถในการบริหารจัดการนั้นจากประสบการณ์กว่า 40 ปีที่สหฟาร์มดำเนินธุรกิจมามีความแข็งแกร่งทั้งแบรนด์ และซัพพลายเชน แต่มีการใช้เงินผิดประเภท อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงไทยพร้อมจะใส่เงินสภาพคล่องให้ แต่มีเงื่อนไขว่าธนาคารต้องมีสิทธิ์ในการเข้าไปควบคุมเงินเข้าและออกด้วย แต่ทางกลุ่มสหฟาร์มยังไม่ตอบตกลง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า เมื่อปัญหาสหฟาร์มหมดไป และกลับมาดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทำให้เงินที่กรุงไทยได้ตั้งสำรองก่อนหน้านี้จะถูกกลับมาคำนวณเป็นรายได้ต่อไป

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น