ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: GUNKULปี57เจิดจรัส
รายได้พุ่งกระฉูด20%
บุ๊คโซลาร์ รูฟท็อป-โรงไฟฟ้าที่พม่าเฟสแรก
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2556
ผู้เข้าชม : 7 คน
“กันกุล” มั่นใจQ4/56 สวย เร่งโซลาร์ รูฟท็อป 15 โครงการ คาดแล้วเสร็จม.ค.-ก.พ. 57 ลั่นปีหน้ารายได้โต 15-20% บุ๊คโรงไฟฟ้าในพม่า เฟสแรก 25 MW และลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 60 MW หวังแล้วเสร็จปี 2558
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า แนวโน้มในไตรมาส 4/56 น่าจะมีทิศทางเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เบื้องต้นน่าจะมีรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งมาจากมูลค่างานในมือ (แบ็กล็อก) ของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแบ็กล็อกอยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า (ปี 2557) เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ทั้ง 15 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 11 เมกะวัตต์ (MW) ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์บนหลังคา คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในช่วงเดือนม.ค. 57 แต่มีบางโครงการที่ต้องมีการปรับปรุงหลังคาก่อน จึงน่าจะทำให้มีบางโครงการแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.พ. 57 ซึ่งภายในไตรมาส 1/56 น่าจะแล้วเสร็จและดำเนินการได้ทั้ง 15 โครงการ
“สำหรับโครงการโซลาร์ รูฟท็อป บริษัทคงจะมีการรับรู้รายได้ในปีหน้า เนื่องจากปีนี้มีการดำเนินการหลายอย่าง ทั้งใบอนุญาต สัญญาเช่าหลังคา สัญญาก่อสร้าง เป็นต้น และเริ่มดำเนินการติดตั้งแล้ว คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในเดือนม.ค.-ก.พ. 57 เนื่องจากมีบางโครงการจะต้องมีการดำเนินการปรับปรุงหลังคาก่อนการติดตั้ง” นางสาวโศภชา กล่าว
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) ขณะนี้ได้สัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทจะเข้าลงทุนในช่วงไตรมาส 1/57 สำหรับเฟสแรก ขนาด 25 เมกะวัตต์ ที่เริ่มจ่ายไฟแล้ว ส่วนเฟสที่ 2 ยังอยู่ระหว่างการเจรจา
อย่างไรก็ตาม ปีนี้รายได้อาจจะไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้โต 10% จากปีก่อน เนื่องจากการส่งมอบแบ็กล็อกมีความช้า แต่กำไรน่าจะมีการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งจะมีการเติบโตประมาณ 5-10% ต่อปี จึงน่าจะทำให้รายได้ปีหน้ามีการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% หรือเติบโตประมาณ 15-20% จากปีนี้ ส่วนกำไรน่าจะมีการเติบโตในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งมาจากแบ็กล็อกที่มีอยู่
ด้านสัดส่วนรายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ประมาณ 70% มาจากธุรกิจเทรดดิ้งและธุรกิจให้บริการ ออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง (EPC) ส่วนกำไรมีสัดส่วนมาจากธุรกิจพลังงานประมาณ 40% ของกำไรโดยรวม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะคงสัดส่วนนี้ไปอย่างน้อย 3 ปี เนื่องจากในประเทศบริษัทจะเน้นลงทุนพลังงานทดแทน ส่วนต่างประเทศจะเน้นลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า
นางสาวโศภชา กล่าวว่า บริษัทจะเน้นลงทุนใน 2 ประเทศ คือ พม่าและไทย ซึ่งในไทยยังมีโครงการต่อเนื่อง 3 ปี โดยปีหน้าจะมีการลงทุนพัฒนาในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท จะใช้เงินทุนของบริษัทประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกู้ธนาคาร คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และจ่ายไฟฟ้าได้ประมาณปี 2558
“กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทในปัจจุบันมีอยู่ 59 เมกะวัตต์ สำหรับปีหน้าก็มีการลงทุนโรงไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่พม่า ซึ่งน่าจะมีรายได้จากเฟสแรก ขนาด 25 เมกะวัตต์ ส่วนเฟส 2 ยังต้องรอการเจรจา รวมถึงมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 60 เมกะวัตต์ ที่จะแล้วเสร็จในปี 2558 ที่จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคต” นางสาวโศภชา กล่าว
รายได้พุ่งกระฉูด20%
บุ๊คโซลาร์ รูฟท็อป-โรงไฟฟ้าที่พม่าเฟสแรก
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2556
ผู้เข้าชม : 7 คน
“กันกุล” มั่นใจQ4/56 สวย เร่งโซลาร์ รูฟท็อป 15 โครงการ คาดแล้วเสร็จม.ค.-ก.พ. 57 ลั่นปีหน้ารายได้โต 15-20% บุ๊คโรงไฟฟ้าในพม่า เฟสแรก 25 MW และลงทุนพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 60 MW หวังแล้วเสร็จปี 2558
นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL กล่าวว่า แนวโน้มในไตรมาส 4/56 น่าจะมีทิศทางเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เบื้องต้นน่าจะมีรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งมาจากมูลค่างานในมือ (แบ็กล็อก) ของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแบ็กล็อกอยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีหน้า (ปี 2557) เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง
ส่วนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟท็อป) ทั้ง 15 โครงการ ขนาดกำลังการผลิต 11 เมกะวัตต์ (MW) ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งอุปกรณ์บนหลังคา คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในช่วงเดือนม.ค. 57 แต่มีบางโครงการที่ต้องมีการปรับปรุงหลังคาก่อน จึงน่าจะทำให้มีบางโครงการแล้วเสร็จในช่วงเดือนก.พ. 57 ซึ่งภายในไตรมาส 1/56 น่าจะแล้วเสร็จและดำเนินการได้ทั้ง 15 โครงการ
“สำหรับโครงการโซลาร์ รูฟท็อป บริษัทคงจะมีการรับรู้รายได้ในปีหน้า เนื่องจากปีนี้มีการดำเนินการหลายอย่าง ทั้งใบอนุญาต สัญญาเช่าหลังคา สัญญาก่อสร้าง เป็นต้น และเริ่มดำเนินการติดตั้งแล้ว คาดว่าจะทยอยแล้วเสร็จในเดือนม.ค.-ก.พ. 57 เนื่องจากมีบางโครงการจะต้องมีการดำเนินการปรับปรุงหลังคาก่อนการติดตั้ง” นางสาวโศภชา กล่าว
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่ประเทศสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ (พม่า) ขณะนี้ได้สัญญาซื้อขายไฟเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทจะเข้าลงทุนในช่วงไตรมาส 1/57 สำหรับเฟสแรก ขนาด 25 เมกะวัตต์ ที่เริ่มจ่ายไฟแล้ว ส่วนเฟสที่ 2 ยังอยู่ระหว่างการเจรจา
อย่างไรก็ตาม ปีนี้รายได้อาจจะไม่ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้โต 10% จากปีก่อน เนื่องจากการส่งมอบแบ็กล็อกมีความช้า แต่กำไรน่าจะมีการเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ว่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับรายได้ ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งจะมีการเติบโตประมาณ 5-10% ต่อปี จึงน่าจะทำให้รายได้ปีหน้ามีการเติบโตไม่น้อยกว่า 15% หรือเติบโตประมาณ 15-20% จากปีนี้ ส่วนกำไรน่าจะมีการเติบโตในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งมาจากแบ็กล็อกที่มีอยู่
ด้านสัดส่วนรายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ประมาณ 70% มาจากธุรกิจเทรดดิ้งและธุรกิจให้บริการ ออกแบบ จัดหา ก่อสร้าง (EPC) ส่วนกำไรมีสัดส่วนมาจากธุรกิจพลังงานประมาณ 40% ของกำไรโดยรวม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะคงสัดส่วนนี้ไปอย่างน้อย 3 ปี เนื่องจากในประเทศบริษัทจะเน้นลงทุนพลังงานทดแทน ส่วนต่างประเทศจะเน้นลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้า
นางสาวโศภชา กล่าวว่า บริษัทจะเน้นลงทุนใน 2 ประเทศ คือ พม่าและไทย ซึ่งในไทยยังมีโครงการต่อเนื่อง 3 ปี โดยปีหน้าจะมีการลงทุนพัฒนาในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 60 เมกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 5,000 ล้านบาท จะใช้เงินทุนของบริษัทประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะกู้ธนาคาร คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จ และจ่ายไฟฟ้าได้ประมาณปี 2558
“กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทในปัจจุบันมีอยู่ 59 เมกะวัตต์ สำหรับปีหน้าก็มีการลงทุนโรงไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ก๊าซ (Gas Engine) ขนาด 50 เมกะวัตต์ ที่พม่า ซึ่งน่าจะมีรายได้จากเฟสแรก ขนาด 25 เมกะวัตต์ ส่วนเฟส 2 ยังต้องรอการเจรจา รวมถึงมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ขนาด 60 เมกะวัตต์ ที่จะแล้วเสร็จในปี 2558 ที่จะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในอนาคต” นางสาวโศภชา กล่าว
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น