ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: การเมืองกดดันหุ้นต่ออีก
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 06 ธันวาคม 2556
โบรกฯ กุมขมับ หุ้นไทยถูกการเมืองป่วนไม่เลิก แนะถือเงินสด หรือหาจังหวะเก็บหุ้นพื้นฐานดี ทั้งในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ส่วนเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF ยังไหลเข้า แนวรับ-แนวต้าน 1,370-1,400 จุด
เมื่อวันพุธที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 7.26 จุด มาที่ 1,376.63 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน ระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,388.53 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 27,334.15 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 2,846 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาพรวมยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ลักษณะรอให้ผ่านพ้นช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.ไปก่อนว่าปัจจัยในเชิงการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้ มองหลังวันที่ 5 ธ.ค.ทิศทางการเมืองน่า จะชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) โดยน่าจะเห็นพัฒนาการในเชิงการเจรจา และต้องจับตาว่านายกรัฐมนตรีจะออกมาตอบรับข้อเสนอสภาประชาชนอย่างไร หลังจากจะขอพิมพ์เขียวไปหารือนักวิชาการ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบสภาฯหรือลาออก
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่เพราะจังหวะนี้ตัวเลือกในการลงทุนไม่ได้มีแค่ประเทศไทย ในฝั่งเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ดีขึ้นและฝั่งยุโรปก็ผ่านจุดเลวร้ายมาแล้วดังนั้น สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงทางการเมืองไทย ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะหมุนเงินไปฝั่งอื่นก่อน
แนวโน้มวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. ภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดคล้ายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่อาจมีความชัดเจนมากขึ้น มองกรอบใหญ่ที่ 1,375-1,390 จุด
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ทั้งสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจนกว่าจะรอดูการชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) หลังวันพฤหัสบดีนี้ และภาพรวมเศรษฐกิจก็ยังไม่มีนัยสำคัญอะไรออกมาในช่วงนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีฯสลับบวกลบตลอดทั้งวัน
แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (6 ธ.ค.) คาดว่าจะยังผันผวน เพราะแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศไตรมาส 4/56 ยังไม่ดีเท่าที่ควร ในเดือนต.ค.เกิดปัญหาน้ำท่วม และเดือนพ.ย.เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการลดลง หากเดือนธ.ค.สถานการณ์ทางการเมืองสามารถยุติลงได้ ก็ต้องติดตามว่าทางรัฐบาลจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นหลังวันที่ 5 ธ.ค. จึงต้องจับตาดูประเด็นทางการเมืองเป็นหลัก และตามด้วยปัจจัยบวกของภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งแรงซื้อจากกองทุน LTF และ January Effect
นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มอาหาร, สื่อสาร, ขนส่ง และธนาคารพาณิชย์ ไปจนถึงต้นปีหน้า เพราะยังเป็นกลุ่มที่สามารถอยู่เหนือตลาดฯได้ในภาวะการขัดแย้งทางการเมือง ส่วนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองก็ยังสามารถถือลงทุนได้ เพราะในระยะยาวธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สายการบินและโรงแรม จะกลับมาเป็นหุ้นที่เพิ่มน้ำหนักในการลงทุน ตามการเปิด AEC ที่ธุรกิจดังกล่าวนั้นประเทศไทยได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
กลยุทธ์การลงทุนแนะ เน้นถือเพื่อรอความชัดเจนจากประเด็นการเมือง ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,370 จุด และแนวต้านที่ 1,390-1,400 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงมีภาพการซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีเข้ามาในช่วงนี้
“เชื่อว่า เม็ดเงินที่เข้ามา จะไม่มากเมื่อเทียบกับในช่วง 2-3 ปีก่อน เพราะน่าจะมีนักลงทุนบางส่วนทยอยลงทุนไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้”
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่มาก โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมือง และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/56 ของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ด้วย โดยมองกรอบ แนวรับที่ 1,370 จุด และแนวต้านที่ 1,390 จุด และ 1,400 จุด
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 06 ธันวาคม 2556
โบรกฯ กุมขมับ หุ้นไทยถูกการเมืองป่วนไม่เลิก แนะถือเงินสด หรือหาจังหวะเก็บหุ้นพื้นฐานดี ทั้งในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ส่วนเม็ดเงินจากกองทุน LTF และ RMF ยังไหลเข้า แนวรับ-แนวต้าน 1,370-1,400 จุด
เมื่อวันพุธที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 7.26 จุด มาที่ 1,376.63 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน ระหว่างวันดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,388.53 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 27,334.15 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 2,846 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาพรวมยังแกว่งตัวในกรอบแคบ ลักษณะรอให้ผ่านพ้นช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค.ไปก่อนว่าปัจจัยในเชิงการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้ มองหลังวันที่ 5 ธ.ค.ทิศทางการเมืองน่า จะชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) โดยน่าจะเห็นพัฒนาการในเชิงการเจรจา และต้องจับตาว่านายกรัฐมนตรีจะออกมาตอบรับข้อเสนอสภาประชาชนอย่างไร หลังจากจะขอพิมพ์เขียวไปหารือนักวิชาการ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การยุบสภาฯหรือลาออก
ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังขายอยู่เพราะจังหวะนี้ตัวเลือกในการลงทุนไม่ได้มีแค่ประเทศไทย ในฝั่งเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ดีขึ้นและฝั่งยุโรปก็ผ่านจุดเลวร้ายมาแล้วดังนั้น สถานการณ์ที่มีความเสี่ยงทางการเมืองไทย ทำให้นักลงทุนเลือกที่จะหมุนเงินไปฝั่งอื่นก่อน
แนวโน้มวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค. ภาพรวมการเคลื่อนไหวของตลาดคล้ายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่อาจมีความชัดเจนมากขึ้น มองกรอบใหญ่ที่ 1,375-1,390 จุด
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ทั้งสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจนกว่าจะรอดูการชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) หลังวันพฤหัสบดีนี้ และภาพรวมเศรษฐกิจก็ยังไม่มีนัยสำคัญอะไรออกมาในช่วงนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของดัชนีฯสลับบวกลบตลอดทั้งวัน
แนวโน้มของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ (6 ธ.ค.) คาดว่าจะยังผันผวน เพราะแนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจภายในประเทศไตรมาส 4/56 ยังไม่ดีเท่าที่ควร ในเดือนต.ค.เกิดปัญหาน้ำท่วม และเดือนพ.ย.เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ประกอบการลดลง หากเดือนธ.ค.สถานการณ์ทางการเมืองสามารถยุติลงได้ ก็ต้องติดตามว่าทางรัฐบาลจะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นหลังวันที่ 5 ธ.ค. จึงต้องจับตาดูประเด็นทางการเมืองเป็นหลัก และตามด้วยปัจจัยบวกของภาพรวมเศรษฐกิจ ทั้งแรงซื้อจากกองทุน LTF และ January Effect
นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถลงทุนในหุ้นกลุ่มอาหาร, สื่อสาร, ขนส่ง และธนาคารพาณิชย์ ไปจนถึงต้นปีหน้า เพราะยังเป็นกลุ่มที่สามารถอยู่เหนือตลาดฯได้ในภาวะการขัดแย้งทางการเมือง ส่วนหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองก็ยังสามารถถือลงทุนได้ เพราะในระยะยาวธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สายการบินและโรงแรม จะกลับมาเป็นหุ้นที่เพิ่มน้ำหนักในการลงทุน ตามการเปิด AEC ที่ธุรกิจดังกล่าวนั้นประเทศไทยได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
กลยุทธ์การลงทุนแนะ เน้นถือเพื่อรอความชัดเจนจากประเด็นการเมือง ทั้งนี้ประเมินแนวรับที่ 1,370 จุด และแนวต้านที่ 1,390-1,400 จุด
นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันในประเทศยังคงมีภาพการซื้อสุทธิต่อเนื่องในตลาดหุ้นไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีเข้ามาในช่วงนี้
“เชื่อว่า เม็ดเงินที่เข้ามา จะไม่มากเมื่อเทียบกับในช่วง 2-3 ปีก่อน เพราะน่าจะมีนักลงทุนบางส่วนทยอยลงทุนไปบ้างในช่วงก่อนหน้านี้”
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ คาดว่าดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบไม่มาก โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมือง และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 3/56 ของสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ด้วย โดยมองกรอบ แนวรับที่ 1,370 จุด และแนวต้านที่ 1,390 จุด และ 1,400 จุด
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น