ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: DELTAร้อนฉ่า
นิวไฮรอบ10ปี
เป้าหมาย57บ.
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2556
ผู้เข้าชม : 4 คน
DELTA หุ้นร้อนวิ่งนิวไฮรอบ 10 ปี มั่นใจปี 2557 ธุรกิจขาขึ้นทุกกลุ่มสินค้า ขณะที่โบรกเกอร์เชื่อกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 5,300 ล้านบาท ลุ้นจ่ายปันผลทั้งปี 2.20 บาท วางราคาเป้าหมาย 57 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA วานนี้ (23 ธ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 52.75 บาท สูงสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยนายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ มองว่าราคาหุ้นบริษัทที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าพาร์นั้น เป็นเพราะนักลงทุนให้ความสนใจแก่หุ้นของบริษัท และที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ตอบรับกับผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทตลอดมา
นอกจากนี้ ทิศทางธุรกิจช่วงปี 2557 ถือเป็นวงจรขาขึ้นของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประเภทพัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์
อย่างไรก็ตาม แผนปีหน้าบริษัทอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำ ซึ่งบริษัทคาดว่าประมาณต้นปีหน้าถึงจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้เลย บริษัทยังคงมองว่าบริษัทจะเติบโตไปได้พร้อมๆ กับอุตสาหกรรมที่ยังเป็นวงจรขาขึ้นอยู่ โดยในปีหน้าบริษัทคงยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติม ส่วนแผนการซื้อกิจการนั้น ตอนนี้ไม่มี แต่ก็ไม่ปิดโอกาสในการซื้อกิจการถ้ามีดีลที่มองว่าจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคตเข้ามา ก็พร้อมที่จะพูดคุย
“แผนปีหน้าของบริษัทยังไม่แล้วเสร็จ แต่ทิศทางของธุรกิจยังเป็นขาขึ้นอยู่ตามแนวโน้มของอุตสาหกรรม สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปีหน้านั้น คงไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติม โดยบริษัทจะหันไปเน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์แทน ซึ่งตอนนี้งานวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัท ค่อนข้างแข็ง เพราะเรามีการลงทุนและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอด” นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ราคาหุ้น DELTA วานนี้ ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 52.75 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือคิดเป็น 3.4% ทำราคาสูงสุดของวันที่ 52.75 บาท ต่ำสุดของวัน 51 บาท มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 247 ล้านบาท โดยราคาหุ้นที่ 52.75 บาท ถือเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์รอบ 10 ปี
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น บริษัทมองว่าแม้บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ไม่ได้รับประโยชน์มากนัก เพราะได้ประโยชน์เฉพาะตัวเลขในงบบัญชีที่แปลงมาเป็นเงินบาท จากรายได้และผลกำไรของบริษัทที่มาในรูปดอลลาร์เท่านั้น เพราะค่าใช้จ่ายและต้นทุนอื่นๆ ของบริษัทอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ทั้งหมด บริษัทจึงไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไหร่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ขณะที่ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไหร่ เพราะบริษัทมีรายได้หลักมาจากตลาดต่างประเทศ แต่มีลูกค้าชาวต่างชาติหลายรายสอบถามเข้ามาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงไปจนหมด และมีการส่งข้อมูลไปให้ลูกค้าทุกรายแล้วด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าหลักของบริษัทมาจากยุโรปมากถึง 50% ที่เหลือก็จะเป็นตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และเอเชีย
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 4 คาดกำไรหลักจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากยอดขายชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ DATA CENTER แต่จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ตามปัจจัยของฤดูกาล
ดังนั้น ในงวดปี 2556 บริษัทจึงมีแนวโน้มรายงานกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 5.2 พันล้านบาท และคาดกำไรสุทธิ 5,386 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,347 ล้านบาท โดยคาดจ่ายเงินปันผลงวดปี 2556 อยู่ที่ 2.20 บาทต่อหุ้น และประเมินงวดปี 2557 จะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5.9 พันล้านบาท กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 57 บาท
นิวไฮรอบ10ปี
เป้าหมาย57บ.
ข่าวหน้าหนึ่ง วันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2556
ผู้เข้าชม : 4 คน
DELTA หุ้นร้อนวิ่งนิวไฮรอบ 10 ปี มั่นใจปี 2557 ธุรกิจขาขึ้นทุกกลุ่มสินค้า ขณะที่โบรกเกอร์เชื่อกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 5,300 ล้านบาท ลุ้นจ่ายปันผลทั้งปี 2.20 บาท วางราคาเป้าหมาย 57 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท เดลต้า อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA วานนี้ (23 ธ.ค.) ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 52.75 บาท สูงสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยนายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ มองว่าราคาหุ้นบริษัทที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าพาร์นั้น เป็นเพราะนักลงทุนให้ความสนใจแก่หุ้นของบริษัท และที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ตอบรับกับผลการดำเนินงานที่ดีของบริษัทตลอดมา
นอกจากนี้ ทิศทางธุรกิจช่วงปี 2557 ถือเป็นวงจรขาขึ้นของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการจัดการระบบกำลังไฟฟ้า (Power management solutions) รวมถึงชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ประเภทพัดลมระบายความร้อน (Cooling Fan) อีเอ็มไอ ฟิลเตอร์ (EMI) และโซลินอยด์
อย่างไรก็ตาม แผนปีหน้าบริษัทอยู่ในขั้นตอนของการจัดทำ ซึ่งบริษัทคาดว่าประมาณต้นปีหน้าถึงจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้เลย บริษัทยังคงมองว่าบริษัทจะเติบโตไปได้พร้อมๆ กับอุตสาหกรรมที่ยังเป็นวงจรขาขึ้นอยู่ โดยในปีหน้าบริษัทคงยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติม ส่วนแผนการซื้อกิจการนั้น ตอนนี้ไม่มี แต่ก็ไม่ปิดโอกาสในการซื้อกิจการถ้ามีดีลที่มองว่าจะเพิ่มโอกาสในการเติบโตของบริษัทในอนาคตเข้ามา ก็พร้อมที่จะพูดคุย
“แผนปีหน้าของบริษัทยังไม่แล้วเสร็จ แต่ทิศทางของธุรกิจยังเป็นขาขึ้นอยู่ตามแนวโน้มของอุตสาหกรรม สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทในปีหน้านั้น คงไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เพิ่มเติม โดยบริษัทจะหันไปเน้นเรื่องการพัฒนานวัตกรรมของผลิตภัณฑ์แทน ซึ่งตอนนี้งานวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัท ค่อนข้างแข็ง เพราะเรามีการลงทุนและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตลอด” นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ราคาหุ้น DELTA วานนี้ ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 52.75 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือคิดเป็น 3.4% ทำราคาสูงสุดของวันที่ 52.75 บาท ต่ำสุดของวัน 51 บาท มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 247 ล้านบาท โดยราคาหุ้นที่ 52.75 บาท ถือเป็นจุดสูงสุดตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์รอบ 10 ปี
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงนั้น บริษัทมองว่าแม้บริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ก็ไม่ได้รับประโยชน์มากนัก เพราะได้ประโยชน์เฉพาะตัวเลขในงบบัญชีที่แปลงมาเป็นเงินบาท จากรายได้และผลกำไรของบริษัทที่มาในรูปดอลลาร์เท่านั้น เพราะค่าใช้จ่ายและต้นทุนอื่นๆ ของบริษัทอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ทั้งหมด บริษัทจึงไม่ค่อยได้ประโยชน์เท่าไหร่จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
ขณะที่ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ บริษัทไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไหร่ เพราะบริษัทมีรายได้หลักมาจากตลาดต่างประเทศ แต่มีลูกค้าชาวต่างชาติหลายรายสอบถามเข้ามาถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งบริษัทได้ชี้แจงไปจนหมด และมีการส่งข้อมูลไปให้ลูกค้าทุกรายแล้วด้วย ทั้งนี้ ปัจจุบันลูกค้าหลักของบริษัทมาจากยุโรปมากถึง 50% ที่เหลือก็จะเป็นตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ และเอเชีย
ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 4 คาดกำไรหลักจะยังสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน จากยอดขายชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ DATA CENTER แต่จะลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ตามปัจจัยของฤดูกาล
ดังนั้น ในงวดปี 2556 บริษัทจึงมีแนวโน้มรายงานกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ 5.2 พันล้านบาท และคาดกำไรสุทธิ 5,386 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 4,347 ล้านบาท โดยคาดจ่ายเงินปันผลงวดปี 2556 อยู่ที่ 2.20 บาทต่อหุ้น และประเมินงวดปี 2557 จะมีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5.9 พันล้านบาท กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 57 บาท
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น