BEAUTYสุดเนื้อหอม กองทุนนอกแห่ลงทุน
2016-02-16 12:00:00
ผู้เข้าชม : 3
“BEAUTY” เนื้อหอม! หลังเข้าคำนวณดัชนี MSCI กองทุนอเมริกา-ยุโรปแห่ถือหุ้นพุ่ง 20-25% ล่าสุดมี 3-4 กองทุนดอดเข้าพบสนใจลงทุน เล็งเดินสายโรดโชว์สิงคโปร์-อังกฤษ-ยุโรป-ญี่ปุ่นมี.ค.-พ.ค.นี้ ลั่นงบปี 58 แจ่ม!เตรียมแจ้ง 26 ก.พ.นี้
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า ภายหลังหุ้นของบริษัทเข้าไปคำนวณในดัชนี MSCI Global Small Cap Indexes ทำให้นักลงทุนสถาบัน (กองทุน) จากต่างประเทศให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสัดส่วนของนักลงทุนต่างประเทศถือหุ้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 20-25% จากเดิมถืออยู่ประมาณ 10%
โดยในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2559 มีกองทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาพบและพูดคุยเกี่ยวกับบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาเข้ามาพบทุกสัปดาห์ประมาณ 3-4 กองทุน โดยเป็นกองทุนที่มาจากประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งมีทั้งกองทุนที่ถือหุ้นบริษัทอยู่แล้วสนใจจะซื้อหุ้นเพิ่ม และกองทุนที่ยังไม่เคยลงทุนหุ้นของบริษัทเลยแต่มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน
ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดกว้างให้กองทุนต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นเพิ่มได้ เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีการกำหนดเพดานการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติไว้ โดยต่างชาติที่สนใจจะเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทต้องเข้ามาซื้อในกระดานซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากในส่วนตัวครอบครัวไกรภูเบศยังยืนยันที่จะรักษาสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BEAUTY ในสัดส่วนประมาณ 38%
นอกจากนี้ ในปี 2559 บริษัทมีแผนที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูลบริษัท (โรดโชว์) ให้กับกองทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม 2559 จะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศสิงคโปร์ อังกฤษ และยุโรป ส่วนเดือนพฤษภาคม 2559 จะไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2558 บริษัทจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 และคาดว่าจะแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 โดยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 จะทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) ทั้งในแง่ของยอดขาย และกำไรสุทธิ เนื่องจากเป็นช่วงฤดูกาลขาย (ไฮซีซั่น) ส่งผลทำให้ทั้งปี 2558 จะมีรายได้รวมทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ จำนวน 1,700 ล้านบาท
นายแพทย์สุวิน กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีรายได้รวมไม่น้อยกว่า 2,100 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 20% และจะรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 20% เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ประกอบกับบริษัทมีช่องทางการขายในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและตรงต่อความต้องการของเทรนด์แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ รวมถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความสามารถในการขายและมีความรู้ด้านผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ขณะที่ในปี 2559 บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ แบ่งเป็นในประเทศ เพิ่มสาขา BEAUTY BUFFET 30 สาขา BEAUTY COTTAGE 15 สาขา และ BEAUTY MARKET 5 สาขา จากปัจจุบันที่มีสาขารวม 310 สาขา ขณะที่ตลาดต่างประเทศมีแผนขยายสาขาที่เป็น Independent shop จำนวน 18 สาขา จากปัจจุบัน 32 สาขา กระจายอยู่ในกลุ่มประเทศ CLMV คือ กัมพูชา 7 สาขา สปป.ลาว 2 สาขา พม่า 2 สาขา และเวียดนาม 21 สาขา
ล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2559 ที่ผ่านมา ได้เซ็นสัญญากับตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียเรียบร้อยแล้วในรูปแบบของ Shop in Shop ทำให้ปัจจุบันมีสาขา Shop in Shop ในประเทศอินโดนีเซียจำนวน 15 สาขา และมีแผนเปิดเพิ่มอีก 6 สาขาในปี 2559 นอกจากนี้บริษัทยังมีนโยบายขยายฐานลูกค้าในกลุ่มประเทศเอเชีย โดยการไปออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศพร้อมทั้งพิจารณากลุ่มลูกค้าขายส่งที่มีศักยภาพในปัจจุบัน เช่น ไต้หวัน และฮ่องกงไปเป็นตัวแทนจำหน่ายในอนาคต อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 6-7% ภายใน 5 ปีข้างหน้า จากราว 1% ในปี 2558
นอกจากนี้ บริษัทจะมีการขยายช่องทางจำหน่ายอื่นๆ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายผ่าน Modern Trade ร้านสะดวกซื้อ และออนไลน์เต็มรูปแบบ โดยปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก มีการใช้ช่องทางออนไลน์ในการเลือกซื้อสินค้าทุกประเภทมากขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา BEAUTY ได้ทดลองจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ต่างๆ ผ่านทาง facebook และเว็บไซต์ต่างๆ พบว่ามีกระแสตอบรับดีเป็นอย่างมาก มีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 300% ปี 2559 บริษัทจึงวางเป้าหมายที่จะรุกตลาดออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีรายได้เติบโตก้าวกระโดด โดยคาดว่าปี 2559 จะทำยอดขายผ่านออนไลน์อยู่ที่ประมาณ 44 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2559 ที่ 170-190 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนเปิดสาขาใหม่ 100-110 ล้านบาท และใช้ในโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการเติบโตในอนาคต 70-80 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะเปิดคลังสินค้าและศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่ในไตรมาส 1/59 พร้อมทั้งนำไปพัฒนาและสร้างแนวความคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมไปถึงพัฒนาช่องทางอีคอมเมิร์ซ ในการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างทั่วถึง โดยมองว่าภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางปีนี้ยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคยุคปัจจุบันทุกช่วงวัยต่างให้ความใส่ใจสุขภาพ ความงามและผิวพรรณมากขึ้น
นายแพทย์สุวิน กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังประเทศจีน เพราะเป็นตลาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันมีผู้เข้ามาซื้อสินค้าของบริษัทเข้าไปจำหน่ายในประเทศจีนแล้ว แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งตัวแทนขายอย่างเป็นทางการและยังไม่มีการตั้งสาขาร้าน BEAUTY เพราะการทำธุรกิจในจีนยังต้องมีความเสี่ยงหลายด้านที่ต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะด้านกฎหมายธุรกิจ และการควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารและยา เป็นต้น ดังนั้น บริษัทจึงไม่รีบร้อนที่จะเข้าไปหากไม่มีความพร้อมเพียงพอโดยการทำตลาดในจีนยังคงต้องใช้ผลิตภัณฑ์ (Product) นำไปก่อน ยังไม่เปิด Shop
นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีการปรับปรุงขั้นตอนด้านปฏิบัติการภายในองค์กรในปี 2559 ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตที่ต้องมองภายในตัวองค์กร ซึ่งจะมีการปรับปรุงกระบวนการ (process) ด้านต่างๆ ทั้งการออกสินค้าใหม่ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การวิเคราะห์ยอดขาย การจัดเรียงสินค้า ด้วยหลักการ space management และ การจัดการ product life cycle รวมถึงการทำการตลาดและการออกแคมเปญต่างๆ ซึ่งได้เริ่มมาตั้งแต่ปีก่อน รวมทั้งปี 2559 จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ ฝึกอบรม และถ่ายทอดความรู้ภายในองค์กรมากขึ้นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น