แหล่งข่าวจากวงการตลาดทุน เปิดเผยว่า กรณีบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ประกาศเพิ่มทุนจดทะเบียน 60,000 ล้านบาท ถือเป็นเรื่องที่เร็วกว่าคาดไว้ รวมถึงการที่ตัดสินใจเพิ่มทุนส่วนหนึ่ง น่าจะเป็นผลมาจากทางธนาคารที่จะเป็นแบงก์การันตีต้องการให้ TRUE ปรับสถานะของอัตราหนี้สินต่อทุน หรือ D/E ของบริษัทให้ลดต่ำลงก่อน
โดยเบื้องต้นคาดในกรณี TRUE ขายหุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 6 บาท เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนได้ 10,000 ล้านหุ้น จะได้รับเงินระดมทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท จะส่งผลให้เกิด Share Dilution ประมาณ 29% และในกรณีเสนอขายราคาหุ้นละ 4 บาทเท่าราคาพาร์ หากขายหุ้นเพิ่มทุนรวม 15,000 ล้านหุ้น ได้เงินทุน 6 หมื่นล้านบาท และจะเกิด Share Dilution ประมาณ 38% โดยราคาหุ้น TRUE ที่ปรับลงหนักในวานนี้ (1 ก.พ.) เป็นผลมาจากประกาศเพิ่มทุน
อย่างไรก็ตาม มองว่าการเพิ่มทุนในรอบนี้ของ TRUE จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เพราะถึงแม้หลังจาก TRUE ขายหุ้นเพิ่มทุนได้และสามารถชำระหนี้สินจนรักษาฐาน D/E อยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า แต่สุดท้ายแล้ว TRUE ยังคงต้องกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจโทรคมนาคมต่อ
ดังนั้น เมื่อเกิดการกู้เงินจะส่งผลให้ D/E ของ TRUE จะปรับสูงขึ้นอีกครั้ง จนสุดท้ายทางบริษัทอาจต้องกลับมาเพิ่มทุนกันอีกรอบ โดยเบื้องต้นคาด TRUE อาจจะต้องมีการเพิ่มทุนเพิ่มอีก 1-2 ครั้ง ภายในปี 2560-2563 พร้อมกับยังคงให้คำแนะนำ “ขาย” สำหรับหุ้น TRUE
โดย TRUE ยังเป็นบริษัทที่มีปัจจัยกดดัน เพราะแม้การเพิ่มทุนจะประสบความสำเร็จและส่งผลให้มีบริษัทมีโครงสร้างฐานะการเงินที่ดีและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม แต่ในอนาคตอาจจะมีการเพิ่มทุนต่ออีกรอบ รวมถึงยังไม่ได้รับเงินปันผลในเร็วๆ นี้ จึงแนะนำ “ขาย” สลับไปลงทุนใน ADVANC หรือ INTUCH แทน ซึ่งยังเป็นบริษัทที่ยังมีศักยภาพจ่ายเงินปันผลได้
ทั้งนี้ จากการสำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TRUE ในวานนี้ พบว่า ราคาหุ้น TRUE ได้ปรับลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขายภาคเช้าที่ 6.45 บาท ลดลงจากราคาปิดก่อนหน้าที่ 7.10 บาท และทำจุดต่ำสุดของวันที่ 6.25 บาท และปิดการซื้อขายที่ 6.60 บาท ปรับลดลง 0.50 บาท หรือคิดเป็น 7.04% เมื่อเทียบราคาปิดก่อนหน้า มีมูลค่าการซื้อขายรวม 3,571 ล้านบาท
*บอร์ดอนุมัติเพิ่มทุน 6 หมื่นล้าน
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้กลุ่มทรูเพิ่มทุน ผ่านการจัดสรรหุ้นสามัญใหม่ เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) มูลค่า 60,000 ล้านบาท
โดยจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งบริษัทและต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว ซึ่งการระดมทุนที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายกลุ่มทรู ในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA (Net Debt-to-EBITDA Ratio) ให้ได้ที่ระดับไม่เกิน 2 ต่อ 1 ซึ่งเป็นระดับที่สะท้อนฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รวมทั้งยังจะคงอันดับเครดิตเรตติ้งที่เป็นระดับการลงทุน หรือ Investment Grade
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทยังไม่ได้มีการกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เนื่องจากปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีความผันผวน จึงมีมติให้กำหนดเป็นวิธีการคำนวณ โดยราคาที่จะเสนอขายเป็นราคาเฉลี่ยจากราคาซื้อขายหุ้น 20 วันทำการจนถึงก่อน 5 วันทำการประชุมสามัญประจำปีของผู้ถือหุ้น เพื่อให้เป็นไปตามราคาที่แท้จริงของตลาดได้มากที่สุด และสะท้อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แท้จริง
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า ด้วยความเป็นผู้นำ 4G และ 3G ของกลุ่มทรู ประกอบกับมีคลื่นความถี่ที่ครบทั้งคลื่น 90
class=Section2>
0 MHz 1800 MHz 2100 MHz และ 850 MHz (ภายใต้กสท.) ทำให้ปัจจุบันกลุ่มทรูอยู่ในสถานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมด้านโมบายล์บรอดแบนด์
ดังนั้น จึงเชื่อว่า การสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและความมุ่งมั่นที่จะสร้างโครงข่ายที่ดีที่สุด จะเป็นโอกาสสำคัญที่จะเสริมให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายธุรกิจรองรับโอกาสที่มีมูลค่าสูง จากการเติบโตของธุรกิจโมบายล์บรอดแบนด์และวิวัฒนาการของยุคเศรษฐกิจดิจิตอล (Internet of Things) ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ ลูกค้า เเละผู้ถือหุ้น รวมถึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้บริษัทเติบโตและเป็นบริษัทไทยที่มีบทบาทในระดับภูมิภาคต่อไป
*เคาะราคาเพิ่มทุนใน 31 มี.ค.นี้
รายงานจาก TRUE แจ้งผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 60,000 ล้านบาท เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2559 ในวันที่ 8 เม.ย. 2559 เพื่อพิจารณาวาระเพิ่มทุน
โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็น 158,431,712,600 บาท จากเดิม 98,431,712,600 บาท ด้วยการเพิ่มหุ้นสามัญจำนวน 15,000 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 4 บาท รวม 60,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะแจ้งข้อมูลราคาเสนอขายที่คำนวณได้ให้ผู้ถือหุ้นทราบโดยการประกาศผ่านทางตลท.ในวันที่ 31 มี.ค. 2559
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นอาจทำการเสนอขายทั้งหมดหรือแต่บางส่วน และอาจเสนอขายในคราวเดียวกันทั้งจำนวนหรือเสนอขายเป็นคราวๆ ไป ดังนั้น อัตราส่วนการจัดสรรหุ้นจะสามารถกำหนดได้ต่อเมื่อถึงเวลาที่จะทำการเสนอขายในแต่ละครั้ง เนื่องจาก ต้องทำการคำนวณจากจำนวนหุ้นที่แท้จริงที่เสนอขายในแต่ละครั้ง
สำหรับวัตถุประสงค์ของการเพิ่มทุน และการใช้เงินทุนในส่วนที่เพิ่ม 1.เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งเป็นเงินที่กู้ยืมมาใช้ในการลงทุนในธุรกิจดังต่อไปนี้ ธุรกิจการให้บริการโทรศัพท์พื้นฐานประมาณ 8,000 ล้านบาท และธุรกิจบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 32,000 ล้านบาท 2.ลงทุนในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และอื่นๆ ประมาณ 20,000 ล้านบาท
โดยประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับจากการเพิ่มทุน จะทำให้บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้น เนื่องจากภาระหนี้สินลดลง ลดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย และทำให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงานในอนาคต ส่วนประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ คือ บริษัทมีโครงสร้างทางการเงินที่เข้มแข็งขึ้นจะส่งผลดีต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น