ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: KCEกำไรนิวไฮ442ล้าน
ซื้อเป้าใหม่47.70บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
"KCE" ลุ้นงบไตรมาส 2/57 ทำนิวไฮ โชว์กำไรสุทธิ 442 ล้านบาท โตกระฉูด 87% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รับออเดอร์ทะลักดันรายได้พุ่ง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" กำหนดเป้าราคาใหม่ 47.70 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/57 ของบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE จะทำระดับสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นประมาณ 8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาพร้อมกับคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ โดยส่งผลทำให้รายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/57 โดยอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาส 1/57 แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 7% จากไตรมาส 1/57 ซึ่งปัจจุบัน KCE ใช้กำลังการผลิตราว 97%
ขณะที่คาดผลประกอบการไตรมาส 3/57 มีแนวโน้มเติบโต และจะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/57 เนื่องจากคาดว่าจะมีกำลังการผลิตถึง 100% ในไตรมาส 3/57 ทำให้คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/57 เติบโตได้อีก 5-7% และมีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่าไตรมาส 2/57 จึงน่าจะเห็นกำไรทำจุดสูงสุดได้อีกครั้ง
ส่วนในไตรมาส 4/57 ปกติจะลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่ปีนี้มีกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่เข้ามาช่วย ทำให้รับงานลูกค้ารายใหม่ได้ ดังนั้นไตรมาส 4/57 ผลประกอบการอาจใกล้เคียงกับไตรมาส 3/57 หรือทำได้ดีกว่า หากประมาณการเป็นจริงทำให้กำไรปกติครึ่งปีแรกของปี 2557 คิดเป็นสัดส่วน 55% ของประมาณการกำไรปกติเดิม ขณะที่ครึ่งปีหลังของปี 2557 มีแนวโน้มสูงกว่า ดังนั้น จึงได้ปรับประมาณการกำไรปี 2557 ขึ้นอีก 16% เป็น 1,808 ล้านบาท หรือเติบโต 72% จากปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผู้บริหาร KCE ยังตั้งเป้ารายได้ปี 2558 เติบโต 20% เป็น 13,000 ล้านบาท จึงรวมผลของกำลังการผลิตโรงงานใหม่ในเฟสแรกไว้ในประมาณการ ทำให้ประมาณการรายได้ 2558 ขึ้น 8% เป็น 11,980 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นจาก 28.2% เป็น 32.2% ตามทิศทางปี 2557 ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นจากเดิม 21% เป็น 1,993 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากโรงงานใหม่จะเสร็จสิ้นทั้งหมดปลายปี 2559 และทำรายได้เต็มที่ปี 2560 ซึ่ง KCE จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตารางฟุต หรือ 70% ผู้บริหาร KCE จึงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 11,000 ล้านบาท ขณะที่รวมรายได้จากการใช้งาน 70% ของโรงงานใหม่เพียงเฟสแรกไว้ในประมาณการ (จุดคุ้มทุน 60%) ทำให้กำไรใน 3 ปี ข้างหน้ายังเติบโตได้สูง
โดยผู้บริหารระบุว่าโรงงานใหม่นี้สอดคล้องกับรายได้ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากลูกค้าเดิมที่สั่งสินค้ามากขึ้น และลูกค้ากลุ่มอื่นที่ไม่ใช่ยานยนต์กลับมารับคำสั่งซื้อได้มากขึ้น และเป็นสินค้าอัตรากำไรสูง และยังเชื่อมั่นว่าโรงงานใหม่จะไม่ทำให้เกิดของเสียมากขึ้น ในทางกลับกันประสบการณ์ในอดีตทำให้โรงงานใหม่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นในภาพรวมขยายตัวได้อีก ซึ่งที่ประมาณการปี 2559 เป็นต้นไป โดยยังไม่รวมปัจจัยบวกเหล่านี้เข้าไป
ดังนั้น คงคำแนะนำ "ซื้อ" กำหนดราคาเป้าหมายใหม่ของ KCE ไว้ที่ 47.70 บาท จากผลของประมาณการปี 2557–2558 ที่ปรับขึ้นเทียบเท่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ไว้ที่ 3.24 บาท และ 3.57 บาท ตามลำดับ อ้างอิงที่ระดับ PER 14 เท่าเช่นเดิมได้ราคาเป้าหมายไตรมาส 2/58 (12 เดือนข้างหน้า) ที่ 47.70 บาท และคาดเงินปันผลครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่หุ้นละ 0.45 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 1.15% ราคาหุ้นปัจจุบันมีระดับ PER 2557-2558 ต่ำเพียง 12 เท่าและ 11 เท่าตามลำดับ เทียบกับบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ที่ราว 15 เท่า แต่กำไรโตเพียง 11%
ซื้อเป้าใหม่47.70บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
"KCE" ลุ้นงบไตรมาส 2/57 ทำนิวไฮ โชว์กำไรสุทธิ 442 ล้านบาท โตกระฉูด 87% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รับออเดอร์ทะลักดันรายได้พุ่ง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง โบรกฯเชียร์ "ซื้อ" กำหนดเป้าราคาใหม่ 47.70 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ประเมินว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/57 ของบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE จะทำระดับสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) คาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 442 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นประมาณ 8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาพร้อมกับคำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ โดยส่งผลทำให้รายได้ที่ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส 1/57 โดยอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับไตรมาส 1/57 แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 7% จากไตรมาส 1/57 ซึ่งปัจจุบัน KCE ใช้กำลังการผลิตราว 97%
ขณะที่คาดผลประกอบการไตรมาส 3/57 มีแนวโน้มเติบโต และจะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/57 เนื่องจากคาดว่าจะมีกำลังการผลิตถึง 100% ในไตรมาส 3/57 ทำให้คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/57 เติบโตได้อีก 5-7% และมีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นจะสูงกว่าไตรมาส 2/57 จึงน่าจะเห็นกำไรทำจุดสูงสุดได้อีกครั้ง
ส่วนในไตรมาส 4/57 ปกติจะลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่ปีนี้มีกำลังการผลิตจากโรงงานใหม่เข้ามาช่วย ทำให้รับงานลูกค้ารายใหม่ได้ ดังนั้นไตรมาส 4/57 ผลประกอบการอาจใกล้เคียงกับไตรมาส 3/57 หรือทำได้ดีกว่า หากประมาณการเป็นจริงทำให้กำไรปกติครึ่งปีแรกของปี 2557 คิดเป็นสัดส่วน 55% ของประมาณการกำไรปกติเดิม ขณะที่ครึ่งปีหลังของปี 2557 มีแนวโน้มสูงกว่า ดังนั้น จึงได้ปรับประมาณการกำไรปี 2557 ขึ้นอีก 16% เป็น 1,808 ล้านบาท หรือเติบโต 72% จากปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ผู้บริหาร KCE ยังตั้งเป้ารายได้ปี 2558 เติบโต 20% เป็น 13,000 ล้านบาท จึงรวมผลของกำลังการผลิตโรงงานใหม่ในเฟสแรกไว้ในประมาณการ ทำให้ประมาณการรายได้ 2558 ขึ้น 8% เป็น 11,980 ล้านบาท และอัตรากำไรขั้นต้นจาก 28.2% เป็น 32.2% ตามทิศทางปี 2557 ทำให้กำไรเพิ่มขึ้นจากเดิม 21% เป็น 1,993 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ จากโรงงานใหม่จะเสร็จสิ้นทั้งหมดปลายปี 2559 และทำรายได้เต็มที่ปี 2560 ซึ่ง KCE จะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีก 2 ล้านตารางฟุต หรือ 70% ผู้บริหาร KCE จึงตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 20,000 ล้านบาทในอีก 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 11,000 ล้านบาท ขณะที่รวมรายได้จากการใช้งาน 70% ของโรงงานใหม่เพียงเฟสแรกไว้ในประมาณการ (จุดคุ้มทุน 60%) ทำให้กำไรใน 3 ปี ข้างหน้ายังเติบโตได้สูง
โดยผู้บริหารระบุว่าโรงงานใหม่นี้สอดคล้องกับรายได้ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกจากลูกค้าเดิมที่สั่งสินค้ามากขึ้น และลูกค้ากลุ่มอื่นที่ไม่ใช่ยานยนต์กลับมารับคำสั่งซื้อได้มากขึ้น และเป็นสินค้าอัตรากำไรสูง และยังเชื่อมั่นว่าโรงงานใหม่จะไม่ทำให้เกิดของเสียมากขึ้น ในทางกลับกันประสบการณ์ในอดีตทำให้โรงงานใหม่มีประสิทธิภาพการผลิตสูงสุด ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นในภาพรวมขยายตัวได้อีก ซึ่งที่ประมาณการปี 2559 เป็นต้นไป โดยยังไม่รวมปัจจัยบวกเหล่านี้เข้าไป
ดังนั้น คงคำแนะนำ "ซื้อ" กำหนดราคาเป้าหมายใหม่ของ KCE ไว้ที่ 47.70 บาท จากผลของประมาณการปี 2557–2558 ที่ปรับขึ้นเทียบเท่ากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ไว้ที่ 3.24 บาท และ 3.57 บาท ตามลำดับ อ้างอิงที่ระดับ PER 14 เท่าเช่นเดิมได้ราคาเป้าหมายไตรมาส 2/58 (12 เดือนข้างหน้า) ที่ 47.70 บาท และคาดเงินปันผลครึ่งปีแรกของปี 2557 อยู่ที่หุ้นละ 0.45 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 1.15% ราคาหุ้นปัจจุบันมีระดับ PER 2557-2558 ต่ำเพียง 12 เท่าและ 11 เท่าตามลำดับ เทียบกับบริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ที่ราว 15 เท่า แต่กำไรโตเพียง 11%
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น