ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ดัชนีร่วงปิดลบ17.74จุด
เลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 11 คน
นักลงทุนผิดหวัง “คสช.” เลื่อนถกโครงสร้างพื้นฐาน กระหน่ำขายกลุ่มอสังหาฯ รับเหมา แบงก์ ดัชนีปิดตลาดลบ 17.74 จุด มาที่ 1,520.81 จุด ปลัดคมนาคมยัน 29 ก.ค.มีหารือแน่นอน ด้าน สศค.แนะปั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด่วน เล็งลดเป้าจีดีพี โบรกฯ-กองทุนมองฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้า
วานนี้ (22 ก.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 17.74 จุด มาที่ 1,520.81 จุด ต่ำสุดนับจาก 1,518.01 จุด เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยดัชนีสูงสุดวันนี้ อยู่ที่ 1,545.29 จุด ดัชนีต่ำสุดอยู่ที่ 1,516.93 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 68,572.72 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ 1,716.36 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า
ตลาดมีความคาดหวังกันมาก เรื่องที่คสช.จะพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานในช่วงบ่าย แต่พอเลื่อน คนก็ไปมองถึงว่าจะยกเลิกหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ เป็นแค่การเลื่อน และจะไปพิจารณาในสัปดาห์หน้า
“ยังคงมองในแง่บวก เพราะหากพิจารณาเสร็จและเริ่มดำเนินโครงการ ก็จะส่งผลบวกต่อหุ้นรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างมาก”
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ วานนี้ (22 ก.ค.) ยังไม่ได้พิจารณาแผนการจัดทำยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ระยะเวลาดำเนินการปี 2558-2565 ของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากการหารือสาระสุดท้ายเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านพลังงานใช้เวลานานมาก จึงไม่สามารถพิจารณาแผนยุทธศาสตร์ที่ถูกบรรจุไว้เป็นวาระอื่นๆ ได้ทัน
ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช.ได้แจ้งแก่กระทรวงคมนาคมว่าในการประชุม คสช.ชุดใหญ่ครั้งถัดไปวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวแน่นอน โดยจะบรรจุเตรียมไว้ในวาระพิจารณาแทนวาระอื่นๆเช่นครั้งนี้
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือสศค.จะประกาศตัวเลขประมาณการจีดีพีในสัปดาห์หน้า โดยจะปรับลดตัวเลขจีดีพีลงจากเดิม ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะโตไม่ถึง 2.6% หลังจากพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ตัวเลขการท่องเที่ยวยังคงลดลง รวมทั้งตัวเลขการส่งออกของประเทศ
“ปีนี้จีดีพีคงโตไม่ได้ตามเป้าที่คาดไว้ที่ 2.6% หลังจากพบว่าตัวเลขการท่องเที่ยว และส่งออกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนก็ยังไม่ชัดเจน”
สำหรับการปรับลดประมาณการจีดีพีครั้งนี้ ถือว่าเป็นการปรับลดต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีปรับลดจาก 4% มาเหลือ 2.6% (ช่วงระหว่าง 2.1-3.1%) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้สศค.เห็นว่าจำเป็นต้องเร่งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว หลังจากชะลอแผนการลงทุนมานาน รวมทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งออกของประเทศ
นายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2557 จะขยายตัวได้ในระดับ 3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 1.5-2.5% เนื่องจากประเมินว่าครึ่งปีหลังการส่งออกจะฟื้นขึ้นมาเติบโตในระดับสูงถึง 6-7% ซึ่งจะทำให้การส่งออกทั้งปีนี้ขยายตัวได้ราว 3-5%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเติบโตค่อนข้างน้อย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัว 2.6% ต่อปี ซึ่งไทยจะทำอย่างไรให้จีดีพีของไทยโต 5-6% ได้ ดังนั้น ต้องส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของอาเซียน และเป็นศูนย์กลางประเทศที่ซื้อมาขายไป
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลเข้ามายังตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากนี้ไปอีก 1 เดือนข้างหน้า และการที่มีเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวไหลเข้ามาเช่นนี้ ถือเป็นผลบวกทำให้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะที่ระดับ 1,600 จุด และการเพิ่มขึ้นของดัชนีดังกล่าวก็จส่งผลให้มีการปรับฐานเกิดขึ้น โดยเชื่อว่าการปรับฐานดังกล่าวมีไม่มากไม่เกิน 3-5% หรือประมาณ 40-50 จุด ซึ่งอยู่ในระดับที่รับได้ และหากมีการปรับฐานมากสุดก็ไม่เกิน 8% หรือประมาณ 100 จุด ดัชนีปรับฐานลงมาก็ไม่น่าเกินที่ระดับ 1,500 จุด
"หุ้นไทยช่วงนี้มีแนวโน้มดี ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. หลังจากมีโรดแมปกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้น ในส่วนของกำไรธุรกิจบจ. ปีนี้มีโอกาสแตะที่ 5-8% และเชื่อว่ากำไรบจ.จะเติบโตสูงเกิน 10% ในปีหน้าและเติบโตต่อเนื่องไปในอีกหลายปี เพราะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวเน้นสร้างสาธารณูปโภคเป็นหลักทำให้ธุรกิจบจ.หลายแหล่งได้รับประโยชน์ยาว 3-5ปี" นายประภาส กล่าว
สำหรับแผนการลงทุน มองว่า ยังมีหลักทรัพย์หลายกลุ่มที่น่าสนใจและเหมาะกับการลงทุน อย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีหลายตัวที่ราคาได้ปรับลงมามากเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ เพราะอนาคตหุ้นกลุ่มนี้เติบโตในระยาว 3-5 ปีมีมาก
หุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นหุ้นอีกกลุ่มที่เหมาะแก่การลงทุนค่อนข้างมาก แม้ว่าการปะมูล 4G จะถูกเลื่อนการประมูลในปีหน้าก็ตาม แต่การเกิด 4G ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ด้านราคาหุ้นเองในบางตัวมีการปรับตัวลงมามากทำให้เหมาะแก่การลงทุน ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารก็เป็นหุ้นอีกกลุ่มที่น่าลงทุนค่อนข้างมาก เพราะกลุ่มธนาคารได้อานิสงส์จากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบลจ.กรุงศรี ยังคงเน้นเรื่องผลตอบแทนในระดับสูงเป็นหลัก และสอดคล้องกับสถานการณ์เป็นหลัก ส่วนหลักทรัพย์บริษัทเน้นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ริมทรัพย์ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสาร
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า หลักทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนช่วงนี้ ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น QH ราคาเป้าหมาย 5 บาท PS ราคาเป้าหมาย 37 บาท และ HMPRO ราคาเป้าหมาย 12.7 บาท MINT ราคาเป้าหมาย 32 บาท และ ERAWAN ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท
นอกจากนี้ ในส่วนของหุ้นกลุ่มที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลทั้งในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสื่อสาร โดยยีลด์เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3% ทั้งนี้ นักลงทุนควรเลือกลงทุนเป็นรายตัวเป็นหลัก สำหรับดัชนีหุ้นไทยช่วงนี้ คาดว่าอยู่ระหว่าง 1,500 จุด บวกลบ แนวรับอยู่ที่ 1,514 -1,504 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,530-1,539 จุด
เลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 23 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 11 คน
นักลงทุนผิดหวัง “คสช.” เลื่อนถกโครงสร้างพื้นฐาน กระหน่ำขายกลุ่มอสังหาฯ รับเหมา แบงก์ ดัชนีปิดตลาดลบ 17.74 จุด มาที่ 1,520.81 จุด ปลัดคมนาคมยัน 29 ก.ค.มีหารือแน่นอน ด้าน สศค.แนะปั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด่วน เล็งลดเป้าจีดีพี โบรกฯ-กองทุนมองฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้า
วานนี้ (22 ก.ค.) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดลบ 17.74 จุด มาที่ 1,520.81 จุด ต่ำสุดนับจาก 1,518.01 จุด เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยดัชนีสูงสุดวันนี้ อยู่ที่ 1,545.29 จุด ดัชนีต่ำสุดอยู่ที่ 1,516.93 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 68,572.72 ล้านบาท แต่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิ 1,716.36 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า
ตลาดมีความคาดหวังกันมาก เรื่องที่คสช.จะพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานในช่วงบ่าย แต่พอเลื่อน คนก็ไปมองถึงว่าจะยกเลิกหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ เป็นแค่การเลื่อน และจะไปพิจารณาในสัปดาห์หน้า
“ยังคงมองในแง่บวก เพราะหากพิจารณาเสร็จและเริ่มดำเนินโครงการ ก็จะส่งผลบวกต่อหุ้นรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างมาก”
นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ชุดใหญ่ วานนี้ (22 ก.ค.) ยังไม่ได้พิจารณาแผนการจัดทำยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย ระยะเวลาดำเนินการปี 2558-2565 ของกระทรวงคมนาคม เนื่องจากการหารือสาระสุดท้ายเกี่ยวกับการดำเนินงานด้านพลังงานใช้เวลานานมาก จึงไม่สามารถพิจารณาแผนยุทธศาสตร์ที่ถูกบรรจุไว้เป็นวาระอื่นๆ ได้ทัน
ทั้งนี้ ที่ประชุม คสช.ได้แจ้งแก่กระทรวงคมนาคมว่าในการประชุม คสช.ชุดใหญ่ครั้งถัดไปวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวแน่นอน โดยจะบรรจุเตรียมไว้ในวาระพิจารณาแทนวาระอื่นๆเช่นครั้งนี้
ด้านแหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือสศค.จะประกาศตัวเลขประมาณการจีดีพีในสัปดาห์หน้า โดยจะปรับลดตัวเลขจีดีพีลงจากเดิม ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะโตไม่ถึง 2.6% หลังจากพบว่าในช่วงครึ่งปีแรกเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ตัวเลขการท่องเที่ยวยังคงลดลง รวมทั้งตัวเลขการส่งออกของประเทศ
“ปีนี้จีดีพีคงโตไม่ได้ตามเป้าที่คาดไว้ที่ 2.6% หลังจากพบว่าตัวเลขการท่องเที่ยว และส่งออกยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนก็ยังไม่ชัดเจน”
สำหรับการปรับลดประมาณการจีดีพีครั้งนี้ ถือว่าเป็นการปรับลดต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีปรับลดจาก 4% มาเหลือ 2.6% (ช่วงระหว่าง 2.1-3.1%) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้สศค.เห็นว่าจำเป็นต้องเร่งโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อให้เม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว หลังจากชะลอแผนการลงทุนมานาน รวมทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งออกของประเทศ
นายปรเมธี วิมลศิริ รองเลขาธิการ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2557 จะขยายตัวได้ในระดับ 3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ราว 1.5-2.5% เนื่องจากประเมินว่าครึ่งปีหลังการส่งออกจะฟื้นขึ้นมาเติบโตในระดับสูงถึง 6-7% ซึ่งจะทำให้การส่งออกทั้งปีนี้ขยายตัวได้ราว 3-5%
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเติบโตค่อนข้างน้อย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ขยายตัว 2.6% ต่อปี ซึ่งไทยจะทำอย่างไรให้จีดีพีของไทยโต 5-6% ได้ ดังนั้น ต้องส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของอาเซียน และเป็นศูนย์กลางประเทศที่ซื้อมาขายไป
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงศรี จำกัด หรือ KSAM กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติจะไหลเข้ามายังตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากนี้ไปอีก 1 เดือนข้างหน้า และการที่มีเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวไหลเข้ามาเช่นนี้ ถือเป็นผลบวกทำให้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นแตะที่ระดับ 1,600 จุด และการเพิ่มขึ้นของดัชนีดังกล่าวก็จส่งผลให้มีการปรับฐานเกิดขึ้น โดยเชื่อว่าการปรับฐานดังกล่าวมีไม่มากไม่เกิน 3-5% หรือประมาณ 40-50 จุด ซึ่งอยู่ในระดับที่รับได้ และหากมีการปรับฐานมากสุดก็ไม่เกิน 8% หรือประมาณ 100 จุด ดัชนีปรับฐานลงมาก็ไม่น่าเกินที่ระดับ 1,500 จุด
"หุ้นไทยช่วงนี้มีแนวโน้มดี ตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. หลังจากมีโรดแมปกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นรูปธรรมมากขึ้น ดังนั้น ในส่วนของกำไรธุรกิจบจ. ปีนี้มีโอกาสแตะที่ 5-8% และเชื่อว่ากำไรบจ.จะเติบโตสูงเกิน 10% ในปีหน้าและเติบโตต่อเนื่องไปในอีกหลายปี เพราะแผนกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวเน้นสร้างสาธารณูปโภคเป็นหลักทำให้ธุรกิจบจ.หลายแหล่งได้รับประโยชน์ยาว 3-5ปี" นายประภาส กล่าว
สำหรับแผนการลงทุน มองว่า ยังมีหลักทรัพย์หลายกลุ่มที่น่าสนใจและเหมาะกับการลงทุน อย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เพราะหุ้นกลุ่มนี้มีหลายตัวที่ราคาได้ปรับลงมามากเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ เพราะอนาคตหุ้นกลุ่มนี้เติบโตในระยาว 3-5 ปีมีมาก
หุ้นกลุ่มสื่อสารเป็นหุ้นอีกกลุ่มที่เหมาะแก่การลงทุนค่อนข้างมาก แม้ว่าการปะมูล 4G จะถูกเลื่อนการประมูลในปีหน้าก็ตาม แต่การเกิด 4G ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ด้านราคาหุ้นเองในบางตัวมีการปรับตัวลงมามากทำให้เหมาะแก่การลงทุน ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารก็เป็นหุ้นอีกกลุ่มที่น่าลงทุนค่อนข้างมาก เพราะกลุ่มธนาคารได้อานิสงส์จากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบลจ.กรุงศรี ยังคงเน้นเรื่องผลตอบแทนในระดับสูงเป็นหลัก และสอดคล้องกับสถานการณ์เป็นหลัก ส่วนหลักทรัพย์บริษัทเน้นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ริมทรัพย์ กลุ่มธนาคาร และกลุ่มสื่อสาร
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด กล่าวว่า หลักทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนช่วงนี้ ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มท่องเที่ยวเป็นหลัก อย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น QH ราคาเป้าหมาย 5 บาท PS ราคาเป้าหมาย 37 บาท และ HMPRO ราคาเป้าหมาย 12.7 บาท MINT ราคาเป้าหมาย 32 บาท และ ERAWAN ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท
นอกจากนี้ ในส่วนของหุ้นกลุ่มที่มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลทั้งในส่วนของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มสื่อสาร โดยยีลด์เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3% ทั้งนี้ นักลงทุนควรเลือกลงทุนเป็นรายตัวเป็นหลัก สำหรับดัชนีหุ้นไทยช่วงนี้ คาดว่าอยู่ระหว่าง 1,500 จุด บวกลบ แนวรับอยู่ที่ 1,514 -1,504 จุด แนวต้านอยู่ที่ 1,530-1,539 จุด
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น