ไตรมาส 2 บันทึกสต๊อกเกน 2 เหรียญฯ
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
"BCP" ลุ้นกำไรไตรมาส 2 ทะลุ 1,200 ล้านบาท พุ่งสูง 200% บันทึกสต๊อกเกน 2 เหรียญฯ รับน้ำมันดิบพุ่ง โบรกฯแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 41 บาท เหลืออัพไซด์เพียบ 36%
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/57 ของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP คาดทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.21 พันล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 198% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่จะลดลง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
โดยคาดสมมติฐานปริมาณกลั่นน้ำมันลดเหลือ 49,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นผลจากปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผนงานและเปลี่ยนหอกลั่นใหม่รวม 46 วัน (1 พ.ค.-15 มิ.ย.) รวมถึงคาดค่าการกลั่นพื้นฐานชะลอตัวเหลือ 4.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลตามการอ่อนตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป-ดูไบ และสัดส่วนการกลั่นน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการเดินเครื่องโรงกลั่น
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2/57 จากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิรักช่วยหนุนให้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ จะมีผลประกอบการดีขึ้นตามอัตรากำไรที่ขยายตัวเป็น 0.8 บาทต่อลิตร หลังจากอัตรากำไรจากลูกค้ารายย่อยสูงขึ้น ประกอบกับธุรกิจโซลาร์ฟาร์มยังได้แรงหนุนจากการผลิตไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 3 ครบทั้ง 5 พื้นที่ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมา ทาง BCP มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,561 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/56 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 406 ล้านบาท และภาพรวมงบปี 2556 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 4,652 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ กล่าวอีกว่า กรณีทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีแผนลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BCP ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดจะเกิดขึ้นตามแผน โดยประเมินว่าจะสามารถปรับตัวเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น การที่ PTT ทำหน้าที่ในการจัดหาน้ำมันดิบจากต่างประเทศ แต่ภายหลังการลดสัดส่วนบริษัทจะเป็นผู้จัดหาเอง
ส่วนสัญญาซื้อน้ำมันดิบในประเทศจาก PTT ปัจจุบันอยู่ที่ราว 25% ของปริมาณซื้อน้ำมันดิบในประเทศทั้งหมด ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการต่อสัญญาทุกปีเช่นเดิม รวมถึงกรณีคลังน้ำมันที่บริษัทยังสามารถทำสัญญาเช่าระยะยาวจาก PTT ต่อไปได้ สำหรับการคัดสรรผู้ซื้อ (ผู้ถือหุ้นใหม่) ประเมินว่าต้องเป็นผู้ที่ไม่มีการดำเนินการขัดแย้งกับ PTT และนโยบายของประเทศ
ดังนั้น แม้ว่าราคาหุ้น BCP จะมีโอกาสถูกกดดันจากแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ PTT แต่หากพิจารณาผลการดำเนินงานในไตรมาส 3-4 จะมีแนวโน้มดีขึ้นจากปริมาณการกลั่นที่เร่งตัวขึ้นเป็น 1.05-1.10 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมถึงการผลิตกระแสไฟฟ้าของโครงการโซลาร์ฟาร์มครบทั้ง 3 เฟส กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 41 บาท ประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 2557 ที่ระดับ 4,938 ล้านบาท
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับ BCP คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/57 ไว้ที่ 1,268 ล้านบาท โดยธุรกิจโรงกลั่นที่อ่อนตัวลง เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงร่วมครึ่งไตรมาส ขณะที่ค่าการกลั่นพื้นฐานจะไม่สูงเท่ากับไตรมาสแรก ประเมินมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันและ GRM Hedging ราว 2.6 เหรียญต่อบาร์เรล กำหนดคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐานปี 2557 ที่ระดับ 41 บาท
ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BCP ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 30 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือคิดเป็น 1.69% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 124 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการที่ราคาปิดล่าสุดที่ 30 บาท หากเทียบกับราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์กำหนดไว้ 41 บาท เท่ากับหุ้น BCP จะมีอัพไซด์สูงมากถึง 36%
ด้านนายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP เปิดเผยในช่วงที่ผ่านมาว่า ในไตรมาส 2/57 ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล แต่ในเบื้องต้นทางบริษัทคาดจะมีโอกาสบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงยังบันทึกรายได้ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเข้ามาในระดับสูง
อีกทั้ง โครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 3 ขนาดกำลังผลิตรวม 48 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าแบบเชิงพาณิชย์ (COD) ครบ 5 แห่ง โดยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2557 ในเบื้องต้นทางบริษัทยังคงวางเป้าหมายทำ EBITDA รวมเติบโตขึ้นสู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
"BCP" ลุ้นกำไรไตรมาส 2 ทะลุ 1,200 ล้านบาท พุ่งสูง 200% บันทึกสต๊อกเกน 2 เหรียญฯ รับน้ำมันดิบพุ่ง โบรกฯแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 41 บาท เหลืออัพไซด์เพียบ 36%
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/57 ของบริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP คาดทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.21 พันล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 198% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน แต่จะลดลง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
โดยคาดสมมติฐานปริมาณกลั่นน้ำมันลดเหลือ 49,000 บาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นผลจากปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผนงานและเปลี่ยนหอกลั่นใหม่รวม 46 วัน (1 พ.ค.-15 มิ.ย.) รวมถึงคาดค่าการกลั่นพื้นฐานชะลอตัวเหลือ 4.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลตามการอ่อนตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูป-ดูไบ และสัดส่วนการกลั่นน้ำมันเตาที่เพิ่มขึ้นในช่วงแรกของการเดินเครื่องโรงกลั่น
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 2/57 จากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิรักช่วยหนุนให้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 2 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการ จะมีผลประกอบการดีขึ้นตามอัตรากำไรที่ขยายตัวเป็น 0.8 บาทต่อลิตร หลังจากอัตรากำไรจากลูกค้ารายย่อยสูงขึ้น ประกอบกับธุรกิจโซลาร์ฟาร์มยังได้แรงหนุนจากการผลิตไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 3 ครบทั้ง 5 พื้นที่ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/57 ที่ผ่านมา ทาง BCP มีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,561 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/56 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 406 ล้านบาท และภาพรวมงบปี 2556 ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 4,652 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ กล่าวอีกว่า กรณีทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT มีแผนลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BCP ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดจะเกิดขึ้นตามแผน โดยประเมินว่าจะสามารถปรับตัวเพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต เช่น การที่ PTT ทำหน้าที่ในการจัดหาน้ำมันดิบจากต่างประเทศ แต่ภายหลังการลดสัดส่วนบริษัทจะเป็นผู้จัดหาเอง
ส่วนสัญญาซื้อน้ำมันดิบในประเทศจาก PTT ปัจจุบันอยู่ที่ราว 25% ของปริมาณซื้อน้ำมันดิบในประเทศทั้งหมด ยังคงดำเนินต่อไปด้วยการต่อสัญญาทุกปีเช่นเดิม รวมถึงกรณีคลังน้ำมันที่บริษัทยังสามารถทำสัญญาเช่าระยะยาวจาก PTT ต่อไปได้ สำหรับการคัดสรรผู้ซื้อ (ผู้ถือหุ้นใหม่) ประเมินว่าต้องเป็นผู้ที่ไม่มีการดำเนินการขัดแย้งกับ PTT และนโยบายของประเทศ
ดังนั้น แม้ว่าราคาหุ้น BCP จะมีโอกาสถูกกดดันจากแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นของ PTT แต่หากพิจารณาผลการดำเนินงานในไตรมาส 3-4 จะมีแนวโน้มดีขึ้นจากปริมาณการกลั่นที่เร่งตัวขึ้นเป็น 1.05-1.10 แสนบาร์เรลต่อวัน รวมถึงการผลิตกระแสไฟฟ้าของโครงการโซลาร์ฟาร์มครบทั้ง 3 เฟส กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาพื้นฐาน 41 บาท ประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 2557 ที่ระดับ 4,938 ล้านบาท
ส่วนนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า สำหรับ BCP คาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/57 ไว้ที่ 1,268 ล้านบาท โดยธุรกิจโรงกลั่นที่อ่อนตัวลง เนื่องจากหยุดซ่อมบำรุงร่วมครึ่งไตรมาส ขณะที่ค่าการกลั่นพื้นฐานจะไม่สูงเท่ากับไตรมาสแรก ประเมินมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันและ GRM Hedging ราว 2.6 เหรียญต่อบาร์เรล กำหนดคำแนะนำ "ซื้อ" ราคาพื้นฐานปี 2557 ที่ระดับ 41 บาท
ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น BCP ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 30 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือคิดเป็น 1.69% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 124 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการที่ราคาปิดล่าสุดที่ 30 บาท หากเทียบกับราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์กำหนดไว้ 41 บาท เท่ากับหุ้น BCP จะมีอัพไซด์สูงมากถึง 36%
ด้านนายวิเชียร อุษณาโชติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCP เปิดเผยในช่วงที่ผ่านมาว่า ในไตรมาส 2/57 ยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล แต่ในเบื้องต้นทางบริษัทคาดจะมีโอกาสบันทึกกำไรสต๊อกน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงยังบันทึกรายได้ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเข้ามาในระดับสูง
อีกทั้ง โครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 3 ขนาดกำลังผลิตรวม 48 เมกะวัตต์ สามารถผลิตไฟฟ้าแบบเชิงพาณิชย์ (COD) ครบ 5 แห่ง โดยภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2557 ในเบื้องต้นทางบริษัทยังคงวางเป้าหมายทำ EBITDA รวมเติบโตขึ้นสู่ระดับ 1 หมื่นล้านบาท
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น