วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

SCCซด1.1หมื่นล.โต32%

SCCซด1.1หมื่นล.โต32%

2015-04-30 12:01:00
ผู้เข้าชม : 2

"ปูนใหญ่" ตั้งเป้าปีนี้ปั๊มรายได้ทะลุ 4.8 แสนล้านบาท โชว์งบQ1/58 มีรายได้ 1.09 แสนล้านบาท ซดกำไร 1.1 หมื่นล้านบาท โต 32% ส่วน Q2/58 แย้มดีขึ้น มั่นใจโรงปูนซีเมนต์แห่งที่ 2 กัมพูชาเดินเครื่องมิ.ย.นี้ และที่อินโดนีเซียเดินเครื่องปลายปีนี้

นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้มากกว่า 480,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 1/58 มีรายได้จากการขาย 109,276  ล้านบาท ลดลง 6% จากไตรมาสก่อน และลดลง 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาเคมีภัณฑ์ปรับลดลงตามราคาแนฟทาและราคาน้ำมันที่ลดลง
ส่วนกำไรในไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 11,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น แม้จะมีขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ 930 ล้านบาท รวมถึงมีกำไรจากการขายเงินลงทุน 10% ในบริษัท สยามมิชลิน กรุ๊ป จำกัด จำนวน1,485 ล้านบาท
“แม้ว่าในช่วงไตรมาส 1/58 รายได้จะลดลง 10% เนื่องจากปีนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากยอดขายปิโตรเคมีที่จะลดลง ซึ่งยอดขายรวมของบริษัทประมาณ 50% มาจากธุรกิจปิโตรเคมี แต่เชื่อว่ายอดขายซีเมนต์และกระดาษจะเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามา โดยโรงงานปูนซีเมนต์แห่งที่ 2 ในกัมพูชาจะเริ่มเดินเครื่องในเดือนมิถุนายนนี้ และโรงงานปูนซีเมนต์ในอินโดนีเซียจะเดินเครื่องในปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้แต่ละไตรมาสมียอดขายเพิ่มขึ้นได้”
สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 2/58 ตลาดปูนซีเมนต์และสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศจะปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ อย่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่มีการประมูลเรียบร้อยแล้ว พร้อมคาดว่าโครงการภาครัฐจะเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ส่วนตลาดต่างประเทศทั้งในประเทศเมียนมาร์ (พม่า) กัมพูชา และเวียดนาม ยังมีการเติบโต
“ตลาดปูนซีเมนต์และสินค้าวัสดุก่อสร้างในประเทศช่วงไตรมาส 2/58 จะปรับตัวดีขึ้นแม้ตลาดจะอ่อนตัวลงในไตรมาส 1/58 เนื่องมาจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการลงทุนของภาครัฐที่คืบหน้ามากขึ้น และน่าจะเห็นผลชัดเจนในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น”
ด้านธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ในช่วงขาขึ้น และมีแนวโน้มจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการสินค้าในตลาดโลกสูงขึ้นและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ส่วนธุรกิจกระดาษคาดการณ์ส่งออกในตลาดอาเซียนจะดีขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้ากระดาษบรรจุภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนในสายการผลิตที่ 2 ของ Vina Kraft Paper Company Limited (VKPC) ในประเทศเวียดนาม ประมาณ 4,125 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์อีก 243,000 ตันต่อปี ก็จะส่งผลให้บริษัทมีธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์มีกำลังการผลิตสูงสุดในอาเซียนรวม 2.6 ล้านตัน ทั้งนี้ VKPC เป็นกิจการร่วมทุน โดยบริษัท สยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด ในเอสซีจี เปเปอร์  ในสัดส่วน 70% และ Rengo Company Limited (ประเทศญี่ปุ่น) ในสัดส่วน 30%  
รวมถึงกรณีที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จาก 1.75% เหลือ 1.50% ต่อปี น่าจะส่งผลต่อค่าเงินให้อ่อนตัวลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งออก โดยบริษัทมีการส่งงออกไปในภูมิภาคอาเซียน และจากการส่งออกไปยังอาเซียนในช่วงไตรมาส 1/58 อยู่ที่ 24,122 ล้านบาท คิดเป็น 22% ของรายได้รวม ซึ่งเพิ่มขึ้น 2%
นายเชาวลิต เอกบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การเงินและการลงทุน  SCC กล่าวว่า ด้านการออกหุ้นกู้ บริษัทได้ดำเนินการออกและเสนอขายหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 30,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 ชุด คือ หุ้นกู้ชุดที่ 1 จำนวน 15,000 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.75% และหุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวน 15,000 ล้านบาท อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.90%
อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท โดยจะใช้ลงทุนในโรงปูนซีเมนต์ 4 แห่งในต่างประเทศทั้งประเทศกัมพูชา อินโดนีเซีย เมียนมาร์ และสปป.ลาว ประมาณ 20,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้ในการปรับปรุงประสิทธิภาพต่างๆ รวมถึงการซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน (M&A)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น