วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2558

‘ฟันด์โฟลว์’เข้า หุ้นไทยเดือนนี้ ดันแตะ1,650จุด

‘ฟันด์โฟลว์’เข้า
หุ้นไทยเดือนนี้
ดันแตะ1,650จุด

ข่าวหน้าหนึ่ง วันจันทร์ที่ 05 มกราคม 2558 

โบรกฯฟันธง “ฟันด์โฟลว์” ไหลเข้าประมาณกลางเดือนม.ค.นี้ รับข่าวดียุโรปใช้มาตรการคิวอี แนะเก็บหุ้นปันผลสูงกลุ่มแบงก์  TISCO,  KTB และกลุ่มสื่อสาร INTUCH รวมทั้ง CK  กลุ่มรับเหมา เป้าดัชนีครึ่งปีแรก 1,650 จุด จับตามาตรการสกัดหุ้นเริ่มใช้วันนี้ ด้าน ตลท.สรุปภาวะหุ้นปี 57 ดัชนีปรับขึ้น 15% ซื้อขาย/วัน  4.16 หมื่นล้านบาท มาร์เก็ตแคปเพิ่ม 20%
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการ ผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย กล่าวว่าฟันด์โฟลว์จะไหลเข้าตลาดหุ้นไทยประมาณกลางเดือนมกราคมนี้ รับกระแสข่าวธนาคารยุโรปใช้มาตรการคิวอี ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 22 ม.ค.นี้
“ฟันด์โฟลว์จะเริ่มไหลเข้าประมาณกลางเดือนมกราคมเป็นต้นไป หรืออย่างช้าประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของยุโรป จีน และญี่ปุ่น”
อย่างไรก็ตามในช่วงสัปดาห์แรกของปี 2558 คาดว่าจะมีแรงเทขายของกองทุน LTF ที่ครบอายุ 5 ปีออกมาบ้าง แต่ก็คงไม่กระทบตลาดหุ้นมากนัก ขณะที่แรงขายของนักลงทุนต่างชาติหมดไปตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ที่เหลือเป็นเงินลงทุนจริงในหุ้น ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของบจ. ซึ่งคิดเป็น 33% ของมาร์เก็ตแคปของตลาดฯ
ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น สามารถเติบโตได้ถึง 3.5-4% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้มีการปรับประมาณการกำไรของบจ.เพิ่มขึ้น  กลุ่มที่แนะนำให้ลงทุน ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK), กลุ่มหุ้นจ่ายปันผลสูง (TISCO, KTB ) และกลุ่มสื่อสาร (INTUCH) โดยในไตรมาสแรกให้เน้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มปันผลสูง ที่จะได้รับประโยชน์จากการลงทุนภาครัฐ ไตรมาสที่สองและสาม แนะนำให้ลงทุนในกลุ่มพาณิชย์ (ROBINS) ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งปีแรกเป้าหมายอยู่ที่ 1,650 จุด และครึ่งปีหลังอยู่ที่ 1,755 จุด
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุว่า ผลประกอบการของบจ.ในตลาดหุ้นในปีนี้คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยได้ประมาณ 15% ซึ่งสูงกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นโดยเฉพาะการใช้นโยบายการเงินและการคลัง  ก็ช่วยกระตุ้นให้ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยได้มากขึ้น
นายสุเชษฐ์ สุขแท้ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ เผยว่า การลงทุนในปีนี้แนะนำ 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มพาณิชย์ และกลุ่มธนาคาร โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เราแนะนำ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย  และกลุ่มพาณิชย์ เราแนะนำหุ้น บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) กลุ่มธนาคาร เราแนะนำ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงไทย (KTB)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีตั้งแต่วันนี้ (5 ม.ค.) เป็นต้นไป ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. จะเริ่มใช้มาตรการคุมหุ้นร้อน โดยแหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยว่า มาตรการคุมหุ้นร้อนที่เริ่มบังคับใช้ในวันนี้จะถือเป็นปัจจัยลบระยะสั้นและส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มหุ้นเล็กเก็งกำไร
ดังนั้น ในระยะสั้น จึงแนะนำ “เลี่ยงการลงทุน” กลุ่มหุ้นเก็งกำไร โดยเฉพาะหุ้นที่มักติดเกณฑ์ Cash Balance เป็นประจำในช่วงปี 2557 ที่ผ่านมา เพราะยังมีแนวโน้มที่จะโดนแรงเทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการคุมหุ้นร้อน จนกดดันให้ราคาหุ้นในกระดานปรับตัวลงได้
สำหรับแรงขายหุ้นเก็งกำไรได้เริ่มเห็นชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่า ราคาหุ้นหลายบริษัทได้ปรับตัวลดลงอย่างหนักและปิดลบติดต่อกันหลายวันทำการ ส่วนในระยะยาวแล้วมาตรการคุมหุ้นร้อนจะได้ผลมากน้อยเพียงใดยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
“แรงขายหุ้นเก็งกำไรเพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการคุมหุ้นร้อนมีให้เห็นได้ชัดเจนตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธ.ค. 57 แล้ว ดังนั้น ในระยะสั้นจึงยังควรที่จะเลี่ยงการลงทุนหุ้นเก็งกำไรออกไปก่อน เพราะยังมีความเสี่ยงอยู่มากพอสมควรที่ราคาหุ้นจะลดลงได้ในช่วงวันนี้ที่จะเริ่มใช้มาตรการเป็นครั้งแรก” แหล่งข่าว กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่าน ตลท.รายงานว่า สำหรับหลักทรัพย์ที่มีสภาพผิดปกติและเข้าเกณฑ์ Trading alert list แล้ว ผู้ลงทุนต้องซื้อหลักทรัพย์นั้นด้วยบัญชี Cash balance หรือ ซื้อด้วยการวางเงินสดเป็นประกันไว้ล่วงหน้าก่อนการซื้อเต็มจำนวนเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และในกรณีที่หลักทรัพย์นั้นเข้าเกณฑ์ Trading alert list ซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จะถูกห้ามนำหลักทรัพย์นั้นมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายในทุกประเภทบัญชี และต้องซื้อด้วยบัญชี Cash balance ต่อไปอีก 3 สัปดาห์นับจากวันที่ประกาศ
ส่วนในกรณีที่หลักทรัพย์นั้นเข้าเกณฑ์ Trading alert list อีกเป็นครั้งที่ 3 หลักทรัพย์ดังกล่าวต้องซื้อด้วยบัญชี Cash balance และถูกห้ามนำหลักทรัพย์นั้นมาคำนวณเป็นวงเงินซื้อขายในทุกประเภทบัญชี และห้าม Net Settlement ในวันเดียวกัน ซึ่งหมายถึง หากมีการซื้อและขายหลักทรัพย์เดียวกันในวันเดียวกัน ค่าขายจะคืนเป็นวงเงินในวันทำการถัดไปเป็นเวลา 3 สัปดาห์นับจากวันที่ประกาศ ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนที่เข้าเกณฑ์ Trading alert list ยังคงต้องมีการเปิดเผยข้อมูลพัฒนาการที่สำคัญ
นอกจากนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลการซื้อขาย ตลท.อาจพิจารณาขยายระยะเวลาในการใช้เกณฑ์แต่ละระดับออกไปได้ตามความเหมาะสม และอาจประกาศหยุดพักการซื้อขายเป็นการชั่วคราวในกรณีที่หลักทรัพย์มีสภาพการซื้อขายที่ผิดปกติอย่างมากไม่สอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน หรือมีการซื้อขายกระจุกตัวโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
สำหรับกรณีหลักทรัพย์ที่มีสภาพผิดปกติเข้าข่ายตามเกณฑ์ Turnover list ของสำนักงานก.ล.ต. และเข้าเงื่อนไข ตลท.ยังคงหลักการเดิม คือ บริษัทหลักทรัพย์ต้องให้ลูกค้าซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยการวางเงินสดเป็นประกันไว้ล่วงหน้าก่อนการซื้อ 100% หรือซื้อด้วยบัญชี Cash balance เป็นเวลา 6 สัปดาห์ ทั้งนี้หากในระหว่างที่ต้องซื้อด้วยบัญชี Cash balance หลักทรัพย์นั้นผิดปกติและเข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading alert list ให้ดำเนินการตามเกณฑ์ Trading alert list ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯรายงานว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในปี 2557 ดัชนีปิดที่ 1497.67 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 15.32% จากสิ้นปี 2556 โดยมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 41,604 ล้านบาท ลดลง 13.45% ด้านมาร์เก็ตแคปเพิ่มมาอยู่ที่ 13.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.52% นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 71,423 ล้านบาท ต่างประเทศขาย 36,584 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อ 3,581 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยในประเทศขาย 38,421 ล้านบาท ส่วนดัชนี mai ขึ้นมาอยู่ที่ 700 จุดเพิ่ม 96% มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 3,861 ล้านบาท และมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 3.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 116%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น