ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ‘เศรษฐา’โยกหุ้นฝากนอมินี
บริษัทจดทะเบียน วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
เปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น "แสนสิริ" ไม่พบรายชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" ถือหุ้น เจ้าตัวเผยโยกหุ้นไปลงทุนรูปแบบอื่น พร้อมยันไม่ได้ขายทิ้ง ขณะล่าสุด"คีรี กาญจนพาสน์" ดอดถือหุ้น0.96% ส่วนยอดขายไตรมาส 1/57 ทรุดเหลือ 4,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งปิดสมุดล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มี.ค.57 พบว่าไม่ปรากฏรายชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในโครงสร้างผู้ถือหุ้น แต่พบชื่อนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เข้ามาถือหุ้นในบริษัท แสนสิริ จำนวน 92 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96% ขณะที่บริษัท ที.เอส.สตาร์ ซึ่งมีนายเศรษฐา ถือหุ้นอยู่ก็ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 1.36% หรือถืออยู่จำนวน 130 ล้านหุ้น
ขณะที่การสำรวจโครงสร้างผู้ถือหุ้นย้อนหลัง 3 ปี (2555-2557) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของแสนสิริ คือ บริษัท ที.เอส.สตาร์ โดยถือหุ้นอยู่จำนวน 1,272,697,600 หุ้น คิดเป็น 17.82% ปี 2555 ก่อนที่สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือ 771,125,810 หุ้น คิดเป็น 9.20% ในปี 2556 และเหลือ 130ล้านหุ้น คิดเป็น 1.36% ในปี 2557
ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นในอันดับ 10 โดยถืออยู่ 105ล้านหุ้น คิดเป็น 1.47% ในปี 2555 ก่อนที่จะมาถือเพิ่มเป็น 315,062,190 หุ้น คิดเป็น 3.76% ในปี 2556 และรายชื่อหายไปจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ในปีนี้
โดยประเด็นดังกล่าวได้รับคำตอบจากนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ เพียงสั้นๆ ว่า การที่ไม่ปรากฏชื่อการเป็นผู้ถือครองหุ้นแสนสิริล่าสุด เพราะได้ถือลงทุนในรูปแบบอื่น และยืนยันไม่ได้ขายหุ้นทิ้งโดยยังถืออยู่
ดังนั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า หุ้นหายไปไหน ถ้านายเศรษฐา ยืนยันว่าไม่ได้ขายหุ้นทิ้งและยังถืออยู่ เพราะก่อนหน้านี้ เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ขายหุ้นออกมาอีก และหากอ้างว่าถือหุ้นผ่านบริษัท ที.เอส.สตาร์ จำกัด ที่คาดว่าจะเป็นนอมินี ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากสัดส่วนของที.เอส.สตาร์ ก็หายไปเหมือนกัน หรือนายเศรษฐาจะโยกหุ้นไปอยู่ในบริษัทที่เป็นนอมินีรายอื่น คงต้องมีสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป นอกจากนี้ การที่ปรากฏชื่อนายคีรี กาญจนพาสน์ โผล่เข้ามาถือจะมีนัยสำคัญหรือไม่
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น ถือเป็นผลกระทบทางจิตวิทยา และถ้าพิจารณาการถือครองหุ้นเทียบกับ 2 ปีก่อน พบว่า ปีนี้ไม่ปรากฏชื่อนายเศรษฐา ส่วนบริษัทที.เอส.สตาร์ ซึ่งมีนายเศรษฐาถือหุ้นอยู่ ก็ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในแสนสิริลงมากเหลือแค่ 1.36% จากปี 2555 ถือครอง 19.27% ส่วนครอบครัวบุรณศิริ และครอบครัวจูตระกูล กลับเพิ่มขึ้น แต่เป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก
ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายรวมไตรมาส 1/57 อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมากจากไตรมาส 1/56 ที่มียอดขายกว่า 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1 ปีนี้บริษัทมีการเปิดโครงการใหม่เพียง 3 โครงการ ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนที่มีการเปิดโครงการใหม่กว่า 10 โครงการ ขณะที่ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วย
สำหรับแผนการเปิดโครงการในไตรมาส 2/57 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 7,000-1 หมื่นล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6-8 โครงการ
นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมทบทวนแผนการเปิดโครงการและยอดขายปีนี้ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง จากเดิมที่มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 19 โครงการ มูลค่ารวม 3.32 หมื่นล้านบาท รวมถึงเป้ายอดขายจากเดิมตั้งไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังคงเป้ารายได้ปี 2557 ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาทเช่นเดิม เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 6.2 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะโอนในปีนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะติดตามปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ บรรยากาศการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ทุกเดือน
นายอุทัย กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1/57 มีลูกค้าที่โอนบ้านและคอนโดมิเนียมไม่ได้ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นมากกว่า 10% จากระดับปกติอยู่ที่ 5-10% โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 1-3 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ผ่านการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ จากผลกระทบทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่ แน่นอน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการชะลอโอนของลูกค้า ซึ่งมีไม่มาก
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ซึ่งเข้าซื้อขายวานนี้ (9 เม.ย.) เป็นวันแรก ราคาเปิดที่ ตลาด13.90 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 9.70 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือลดลง 3% จากราคา IPO ที่ 10 บาท โดยราคาปรับขึ้นสูงสุดแตะ 15 บาท และต่ำสุดที่ 9.70 บาท
ทั้งนี้ SIRIP มีจำนวน 170 ล้านหน่วย หน่วยละ 10บาท รวมมูลค่า 1,700 ล้านบาท ลักษณะโครงการลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงานสิริภิญโญ งานระบบและสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องของอาคาร บนที่ดิน 2 ไร่ 3 งาน 13.4 ตร.วาพื้นที่ใช้สอยอาคารรวม 41,758 ตร.ม. เป็นพื้นที่ให้เช่า 18,364 ตร.ม.โดยมี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นบริษัทจัดการ
บริษัทจดทะเบียน วันพฤหัสบดีที่ 10 เมษายน 2557
ผู้เข้าชม : 9 คน
เปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น "แสนสิริ" ไม่พบรายชื่อ "เศรษฐา ทวีสิน" ถือหุ้น เจ้าตัวเผยโยกหุ้นไปลงทุนรูปแบบอื่น พร้อมยันไม่ได้ขายทิ้ง ขณะล่าสุด"คีรี กาญจนพาสน์" ดอดถือหุ้น0.96% ส่วนยอดขายไตรมาส 1/57 ทรุดเหลือ 4,000 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งปิดสมุดล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มี.ค.57 พบว่าไม่ปรากฏรายชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ในโครงสร้างผู้ถือหุ้น แต่พบชื่อนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เข้ามาถือหุ้นในบริษัท แสนสิริ จำนวน 92 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.96% ขณะที่บริษัท ที.เอส.สตาร์ ซึ่งมีนายเศรษฐา ถือหุ้นอยู่ก็ลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 1.36% หรือถืออยู่จำนวน 130 ล้านหุ้น
ขณะที่การสำรวจโครงสร้างผู้ถือหุ้นย้อนหลัง 3 ปี (2555-2557) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ของแสนสิริ คือ บริษัท ที.เอส.สตาร์ โดยถือหุ้นอยู่จำนวน 1,272,697,600 หุ้น คิดเป็น 17.82% ปี 2555 ก่อนที่สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเหลือ 771,125,810 หุ้น คิดเป็น 9.20% ในปี 2556 และเหลือ 130ล้านหุ้น คิดเป็น 1.36% ในปี 2557
ส่วนนายเศรษฐา ทวีสิน ถือหุ้นในอันดับ 10 โดยถืออยู่ 105ล้านหุ้น คิดเป็น 1.47% ในปี 2555 ก่อนที่จะมาถือเพิ่มเป็น 315,062,190 หุ้น คิดเป็น 3.76% ในปี 2556 และรายชื่อหายไปจากโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ในปีนี้
โดยประเด็นดังกล่าวได้รับคำตอบจากนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ เพียงสั้นๆ ว่า การที่ไม่ปรากฏชื่อการเป็นผู้ถือครองหุ้นแสนสิริล่าสุด เพราะได้ถือลงทุนในรูปแบบอื่น และยืนยันไม่ได้ขายหุ้นทิ้งโดยยังถืออยู่
ดังนั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า หุ้นหายไปไหน ถ้านายเศรษฐา ยืนยันว่าไม่ได้ขายหุ้นทิ้งและยังถืออยู่ เพราะก่อนหน้านี้ เคยกล่าวไว้ว่าจะไม่ขายหุ้นออกมาอีก และหากอ้างว่าถือหุ้นผ่านบริษัท ที.เอส.สตาร์ จำกัด ที่คาดว่าจะเป็นนอมินี ก็ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากสัดส่วนของที.เอส.สตาร์ ก็หายไปเหมือนกัน หรือนายเศรษฐาจะโยกหุ้นไปอยู่ในบริษัทที่เป็นนอมินีรายอื่น คงต้องมีสอบถามข้อเท็จจริงต่อไป นอกจากนี้ การที่ปรากฏชื่อนายคีรี กาญจนพาสน์ โผล่เข้ามาถือจะมีนัยสำคัญหรือไม่
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ลดสัดส่วนการถือครองหุ้น ถือเป็นผลกระทบทางจิตวิทยา และถ้าพิจารณาการถือครองหุ้นเทียบกับ 2 ปีก่อน พบว่า ปีนี้ไม่ปรากฏชื่อนายเศรษฐา ส่วนบริษัทที.เอส.สตาร์ ซึ่งมีนายเศรษฐาถือหุ้นอยู่ ก็ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นในแสนสิริลงมากเหลือแค่ 1.36% จากปี 2555 ถือครอง 19.27% ส่วนครอบครัวบุรณศิริ และครอบครัวจูตระกูล กลับเพิ่มขึ้น แต่เป็นสัดส่วนที่ไม่มากนัก
ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายรวมไตรมาส 1/57 อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ลดลงค่อนข้างมากจากไตรมาส 1/56 ที่มียอดขายกว่า 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 1 ปีนี้บริษัทมีการเปิดโครงการใหม่เพียง 3 โครงการ ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนที่มีการเปิดโครงการใหม่กว่า 10 โครงการ ขณะที่ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองกระทบต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าด้วย
สำหรับแผนการเปิดโครงการในไตรมาส 2/57 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 4-5 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ คาดว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ประมาณ 7,000-1 หมื่นล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6-8 โครงการ
นายอุทัย กล่าวว่า บริษัทเตรียมทบทวนแผนการเปิดโครงการและยอดขายปีนี้ใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง จากเดิมที่มีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 19 โครงการ มูลค่ารวม 3.32 หมื่นล้านบาท รวมถึงเป้ายอดขายจากเดิมตั้งไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังคงเป้ารายได้ปี 2557 ไว้ที่ 2 หมื่นล้านบาทเช่นเดิม เนื่องจากจะมีการรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีอยู่ 6.2 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะโอนในปีนี้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะติดตามปัจจัยทางการเมือง เศรษฐกิจ บรรยากาศการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์ทุกเดือน
นายอุทัย กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1/57 มีลูกค้าที่โอนบ้านและคอนโดมิเนียมไม่ได้ ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเป็นมากกว่า 10% จากระดับปกติอยู่ที่ 5-10% โดยส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 1-3 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ผ่านการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ จากผลกระทบทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่ แน่นอน และอีกส่วนหนึ่งมาจากการชะลอโอนของลูกค้า ซึ่งมีไม่มาก
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์แสนสิริ ไพร์มออฟฟิศ (SIRIP) ซึ่งเข้าซื้อขายวานนี้ (9 เม.ย.) เป็นวันแรก ราคาเปิดที่ ตลาด13.90 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 9.70 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือลดลง 3% จากราคา IPO ที่ 10 บาท โดยราคาปรับขึ้นสูงสุดแตะ 15 บาท และต่ำสุดที่ 9.70 บาท
ทั้งนี้ SIRIP มีจำนวน 170 ล้านหน่วย หน่วยละ 10บาท รวมมูลค่า 1,700 ล้านบาท ลักษณะโครงการลงทุนในกรรมสิทธิ์ที่ดิน อาคารสำนักงานสิริภิญโญ งานระบบและสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวเนื่องของอาคาร บนที่ดิน 2 ไร่ 3 งาน 13.4 ตร.วาพื้นที่ใช้สอยอาคารรวม 41,758 ตร.ม. เป็นพื้นที่ให้เช่า 18,364 ตร.ม.โดยมี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นบริษัทจัดการ
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น