"บล.คันทรี่กรุ๊ป"หวังผถห.ไฟเขียวตั้งโฮลดิ้ง ตามแผนเดินหน้าลดการพึ่งพิงรายได้ค่าคอมฯ
2 มีนาคม 2557 03:15 น.
"บล.คันทรี่กรุ๊ป" หวังผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนตั้งโฮลดิ้ง เตรียมสวอปหุ้นโฮลดิ้งแทนCGS คาดหากฉลุยทุกอย่างแล้วเสร็จปลายไตรมาส3 ดันปี2558 ลดการพึ่งพิงรายได้ค่านายหน้าเทรดเหลือ70% จากปัจจุบัน 90% ส่วนปี57 ลุ้นดีลวาณิชธนกิจสำเร็จปั๊นรายได้ชดเชยค่าคอมมิชชั่นเทรดหุ้นที่หดหายตามวอลุ่ม และมาร์เกตติ้งที่ย้ายออก ดันผลดำเนินงานปีนี้ใกล้เคียงปี56 พร้อมมองดัชนหุ้นไทยทั้งปี 1,500 จุด วอลุ่มเทรด 4 หมื่นล้าน
น.ส.สุดธิดา จิระพัฒน์สกุล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผย ผลการดำเนินงานปี 2556 ว่า บริษัท มีรายได้ 2,068.84 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้ 1,615.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.08% กำไรสุทธิ 344.81 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 260.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.42% โดยมีกำไรสะสม 657.72 ล้านบาทในส่วนของรายได้รวม 2,068.84 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่านายหน้า 1,695.68 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 39.59 ล้านบาท กำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ 85.87 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตาม วิธีส่วนได้เสีย 86.42 ล้านบาท รายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้ กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 147.57 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 13.71 ล้านบาท
โดยรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 426 ล้านบาท หรือ 33.55% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 1,269.68 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 20.81 ล้านบาท หรือ 110.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 18.78 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงินเพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาทตามปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้น 35.63 ล้านบาท หรือ 70.15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 50.79 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทร่วมมีกำไรสุทธิเพิ่ม 72.27%
"สาเหตุที่ผลงานโตก้าวกระโดด เป็นผลจากการบริหารจัดการภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจหลักทรัพย์และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการเสริมทีมผู้บริหารและปรับกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวขึ้นเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศ เตรียมพร้อมรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 " น.ส. สุดธิดา กล่าว
พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯ ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ได้อนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 15 พฤษภาคม 2557
ทั้งนี้ CGS มองดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,450-1,500 จุด เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้เติบโตมาก โดยคาดว่าจะเติบโตไม่ถึง 3% และ EPS Growth ของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 10%
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติแผนการปรับโครงสร้าง กิจการ และการขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัท จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ "บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)" เพื่อประกอบธุรกิจทางด้านการลงทุนและถือหุ้นของหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งจะจัดการประชุมชี้แจงเพื่อเสนอแนะความเห็นต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2557 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมโลตัส กรุงเทพฯ
"บริษัทต้องปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ เพราะจะหวังพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์อย่างเดียวไม่ได้ คาดว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 29 เม.ย.นี้จะอนุมัติให้บริษัทปรับโครงสร้างกิจการเป็นโฮลดิ้งคอมปานี ตั้ง บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดื้ง ถ้าผู้ถือหุ้นอนุมัติก็จะทำการสวอปหุ้น บล.คันทรี่เป็น บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง สัดส่วน 1 :1 และคาดว่าจะนำหุ้นบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน CGS ได้ราวส.ค.-ก.ย.57 นี้ และจะทำให้ปี 58 สัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจหลักทรัพย์ 60-70% ซึ่งเป็น core business ส่วน investment พอร์ตลงทุน Fixed Income รวม 30% จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากค่านายหน้าประมาณ 90% อีก 10% เป็นงานวาณิชธนกิจ"
ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGS กล่าวว่า แม้มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงต้นปีนี้จะลดลงเหลือ 28,000 ล้านบาท จาก 50,000 ล้านบาท แต่บริษัทหวังจะสร้างรายได้จากงาน IB ดีลขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการกระจายหุ้นให้กับประชาชน(IPO)ในมือราว 10 ดีล คาดว่าจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ 3 ราย ขนาดระดมทุนประมาณ 500-3,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการ(M&A)ให้กับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายดีล โดยดีลใหญ่ที่หวังว่าจะจบได้ภายในปีนี้เป็น M&A บริษัทในประเทศที่มีบริษัทต่างประเทศเข้ามาซื้อกิจการ ซึ่งถ้าจบทำได้ตามเป้าหมาย คาดว่าจะรับรู้รายได้ 200 กว่าล้านบาทในปีนี้ และจะช่วยทดแทนรายได้จากโบรกฯ นอกจากนี้ ยังมีพอร์ต ลงทุน และมีหน่วยงานใหม่ Fixed income เข้ามาเสริม จะทำให้รายได้กำไรใกล้เคียงปีก่อน
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า มาร์เก็ตแชร์ปีนี้จะลดลงจากปีก่อน โดย 2 เดือนแรกอยู่ที่ 3% ปลายๆ หลังจากทีมงานมาร์เก็ตติ้งเดิมทยอยลาออกไป แต่ระดับเฉลี่ยทั้งปีมองมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 3.5% เนื่องจากภาพรวมการซื้อขายลดลง และมีโบรกเกอร์หน้าใหม่เข้ามาอีก 4 ราย
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000023924
เวลา 2 มีนาคม 2557 06:30 น.
ผู้จัดการออนไลน์ - Manager Online (http://www.manager.co.th)
2 มีนาคม 2557 03:15 น.
"บล.คันทรี่กรุ๊ป" หวังผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนตั้งโฮลดิ้ง เตรียมสวอปหุ้นโฮลดิ้งแทนCGS คาดหากฉลุยทุกอย่างแล้วเสร็จปลายไตรมาส3 ดันปี2558 ลดการพึ่งพิงรายได้ค่านายหน้าเทรดเหลือ70% จากปัจจุบัน 90% ส่วนปี57 ลุ้นดีลวาณิชธนกิจสำเร็จปั๊นรายได้ชดเชยค่าคอมมิชชั่นเทรดหุ้นที่หดหายตามวอลุ่ม และมาร์เกตติ้งที่ย้ายออก ดันผลดำเนินงานปีนี้ใกล้เคียงปี56 พร้อมมองดัชนหุ้นไทยทั้งปี 1,500 จุด วอลุ่มเทรด 4 หมื่นล้าน
น.ส.สุดธิดา จิระพัฒน์สกุล ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CGS เปิดเผย ผลการดำเนินงานปี 2556 ว่า บริษัท มีรายได้ 2,068.84 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีรายได้ 1,615.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.08% กำไรสุทธิ 344.81 ล้านบาท เทียบกับปี 2555 ที่มีกำไรสุทธิ 260.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.42% โดยมีกำไรสะสม 657.72 ล้านบาทในส่วนของรายได้รวม 2,068.84 ล้านบาท ประกอบด้วยรายได้ค่านายหน้า 1,695.68 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ 39.59 ล้านบาท กำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ 85.87 ล้านบาท ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตาม วิธีส่วนได้เสีย 86.42 ล้านบาท รายได้จากดอกเบี้ยรับและเงินปันผลและดอกเบี้ยเงินให้ กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 147.57 ล้านบาท และรายได้อื่นๆ จำนวน 13.71 ล้านบาท
โดยรายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 426 ล้านบาท หรือ 33.55% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 1,269.68 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 20.81 ล้านบาท หรือ 110.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ 18.78 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และค่าธรรมเนียมการเป็นที่ปรึกษาการเงินเพิ่มขึ้น 15.20 ล้านบาทตามปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสียเพิ่มขึ้น 35.63 ล้านบาท หรือ 70.15% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ 50.79 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทร่วมมีกำไรสุทธิเพิ่ม 72.27%
"สาเหตุที่ผลงานโตก้าวกระโดด เป็นผลจากการบริหารจัดการภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจหลักทรัพย์และกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งการเสริมทีมผู้บริหารและปรับกลยุทธ์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวขึ้นเป็นโบรกเกอร์ชั้นนำของประเทศ เตรียมพร้อมรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ในปี 2558 " น.ส. สุดธิดา กล่าว
พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทฯ ครั้งที่ 2/2557 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 ได้อนุมัติจัดสรรกำไรสุทธิจากผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2556 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.11 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่ายวันที่ 15 พฤษภาคม 2557
ทั้งนี้ CGS มองดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,450-1,500 จุด เพราะภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไม่ได้เติบโตมาก โดยคาดว่าจะเติบโตไม่ถึง 3% และ EPS Growth ของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 10%
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมบอร์ดได้อนุมัติแผนการปรับโครงสร้าง กิจการ และการขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยบริษัท จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ "บริษัท คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)" เพื่อประกอบธุรกิจทางด้านการลงทุนและถือหุ้นของหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป ซึ่งจะจัดการประชุมชี้แจงเพื่อเสนอแนะความเห็นต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 เมษายน 2557 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมโลตัส กรุงเทพฯ
"บริษัทต้องปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ เพราะจะหวังพึ่งพารายได้จากค่านายหน้าค้าหลักทรัพย์อย่างเดียวไม่ได้ คาดว่าที่ประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 29 เม.ย.นี้จะอนุมัติให้บริษัทปรับโครงสร้างกิจการเป็นโฮลดิ้งคอมปานี ตั้ง บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดื้ง ถ้าผู้ถือหุ้นอนุมัติก็จะทำการสวอปหุ้น บล.คันทรี่เป็น บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป โฮลดิ้ง สัดส่วน 1 :1 และคาดว่าจะนำหุ้นบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน CGS ได้ราวส.ค.-ก.ย.57 นี้ และจะทำให้ปี 58 สัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจหลักทรัพย์ 60-70% ซึ่งเป็น core business ส่วน investment พอร์ตลงทุน Fixed Income รวม 30% จากปัจจุบันรายได้หลักมาจากค่านายหน้าประมาณ 90% อีก 10% เป็นงานวาณิชธนกิจ"
ด้านนายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGS กล่าวว่า แม้มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วงต้นปีนี้จะลดลงเหลือ 28,000 ล้านบาท จาก 50,000 ล้านบาท แต่บริษัทหวังจะสร้างรายได้จากงาน IB ดีลขนาดใหญ่กว่า 100 ล้านบาท และยังมีงานที่ปรึกษาทางการเงินในการกระจายหุ้นให้กับประชาชน(IPO)ในมือราว 10 ดีล คาดว่าจะนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ 3 ราย ขนาดระดมทุนประมาณ 500-3,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีงานเป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการควบรวมกิจการ(M&A)ให้กับบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศอีกหลายดีล โดยดีลใหญ่ที่หวังว่าจะจบได้ภายในปีนี้เป็น M&A บริษัทในประเทศที่มีบริษัทต่างประเทศเข้ามาซื้อกิจการ ซึ่งถ้าจบทำได้ตามเป้าหมาย คาดว่าจะรับรู้รายได้ 200 กว่าล้านบาทในปีนี้ และจะช่วยทดแทนรายได้จากโบรกฯ นอกจากนี้ ยังมีพอร์ต ลงทุน และมีหน่วยงานใหม่ Fixed income เข้ามาเสริม จะทำให้รายได้กำไรใกล้เคียงปีก่อน
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า มาร์เก็ตแชร์ปีนี้จะลดลงจากปีก่อน โดย 2 เดือนแรกอยู่ที่ 3% ปลายๆ หลังจากทีมงานมาร์เก็ตติ้งเดิมทยอยลาออกไป แต่ระดับเฉลี่ยทั้งปีมองมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 3.5% เนื่องจากภาพรวมการซื้อขายลดลง และมีโบรกเกอร์หน้าใหม่เข้ามาอีก 4 ราย
พิมพ์จาก http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000023924
เวลา 2 มีนาคม 2557 06:30 น.
ผู้จัดการออนไลน์ - Manager Online (http://www.manager.co.th)
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น